รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 6 มีนาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 6, 2009 10:42 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 6 มี.ค. 2552

SUMMARY:

1. BOI เห็นชอบเพิ่มประเภทกิจการที่ได้รับส่งเสริมภายใต้มาตรการเร่งรัดการลงทุน

2. ก.พาณิชย์ เผยแนวโน้มความต้องการข้าวไทยจากกลุ่มประเทศแอฟริกา 5-6 แสนตัน

3. อิโคโนมิสต์สำรวจตลาดเกิดใหม่ 17 ประเทศ ไทยติดอันดับ 5 อ่อนไหวปัญหาสินเชื่อ

HIGHLIGHT:
1. BOI เห็นชอบเพิ่มประเภทกิจการที่ได้รับส่งเสริมภายใต้มาตรการเร่งรัดการลงทุน
  • รมว.อุตสาหกรรมกล่าวในที่ประชุมบอร์ด BOI ว่า ในช่วง 2 เดือนของปี 52 มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุน 141 โครงการ มูลค่ารวม 8.1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้เพิ่มประเภทกิจการใน 6 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่อยู่ในมาตรการพิเศษเร่งรัดการลงทุน ได้แก่ กิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (โทรคมนาคมและอิเล็กทรอนิกส์) กลุ่มโครงการผลิตรถไฟและรถไฟฟ้า กิจการผลิตท่อเหล็กไร้สนิม กิจการผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงสำหรับงานสาธารณูปโภค และกลุ่มอุตฯ ที่ใช้ผลิตผลทางการเกษตรเป็นวัตถุดิบและใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
  • สศค. วิเคราะห์ว่าการเพิ่มประเภทกิจการส่งเสริมการลงทุนภายใต้ความเห็นชอบของ BOI จะมีส่วนช่วยส่งเสริมการผลิตภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีความสำคัญต่อการส่งออกและ GDP (การส่งออกมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 70 ของ GDP โดยร้อยละ 75 ของการส่งออกเป็นสินค้าอุตสาหกรรม) ซึ่งเหมาะสมในช่วงเวลานี้ที่เกิดวิกฤตอุตสาหกรรม โดยในช่วง ม.ค.52 ผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวถึงร้อยละ -25.6 ต่อปี นอกจากนี้ ใน 6 กลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ในมาตรการส่งเสริมเป็นพิเศษจะเกี่ยวเนื่องกับ Mega Project ของภาครัฐ ซึ่งจะส่งเสริมด้านการจ้างงานและการกระตุ้นการใช้จ่ายภาครัฐตามมาอีกด้วย
2. ก.พาณิชย์ เผยแนวโน้มความต้องการข้าวไทยจากแอฟริกา 5-6 แสนตัน
  • กระทรวงพาณิชย์ได้ทำหนังสือไปยังกลุ่มประเทศที่ต้องการซื้อข้าวจากไทยแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) เพื่อขอคำยืนยันว่าต้องการซื้อข้าวไทยหรือไม่ ซึ่งมีหลายประเทศที่ติดต่อเข้ามา เช่น กลุ่มประเทศแอฟริกา ( ได้แก่ แองโกลา ไลบีเรีย จิบูติ ) เป็นปริมาณ 5-6 แสนตัน เพราะรัฐบาลมีแผนที่จะระบายสต็อกข้าวที่ปัจจุบันมีอยู่ 5 ล้านตัน เพื่อเตรียมเปิดรับจำนำข้าวรอบใหม่ปี 2552 ทั้งนี้ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่าช่วงปลายเดือนมี.ค.เป็นเวลาเหมาะสมที่จะระบายสต๊อกข้าว แต่รัฐบาลจะต้องกำหนดเงื่อนไขประมูลให้โปร่งใส รัดกุม ชัดเจน ซึ่งจะเกิดประโยชน์ยิ่งขึ้น
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ความต้องการข้าวไทยจากต่างประเทศถือเป็นปัจจัยบวกท่ามกลางอุปสงค์จากภายนอกประเทศที่ลดลง ดังนั้น จึงควรเร่งขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ หรือแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แปรรูปได้จากข้าว ซึ่งจะส่งผลให้ผลผลิตภาคเกษตรของไทยสามารถขยายตัวได้เพิ่มขึ้น และสามารถรองรับแรงงานที่ถูกเลิกจ้างจากภาคอุตสาหกรรมที่ซบเซาได้
3. อิโคโนมิสต์สำรวจตลาดใหม่ 17 ประเทศ ไทยติดอันดับ 5 อ่อนไหวปัญหาสินเชื่อ
  • หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า ดิ อิโคโนมิสต์ ได้สำรวจความอ่อนไหวต่อภาวะสินเชื่อตึงตัวของเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ 17 ประเทศ โดยใช้เกณฑ์ 3 ด้านคือ 1) ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP 2) หนี้ต่างประเทศระยะสั้นต่อเงินทุนสำรองต่างประเทศ และ 3) อัตราส่วนของสินเชื่อต่อเงินฝาก โดยประเทศในแถวยุโรปตะวันออกและแอฟริกาใต้ ที่เป็นเศรษฐกิจขนาดเล็ก มีความเสี่ยงสูง ในขณะที่เอเซียมีความปลอดภัยสูงสุด
  • สศค. ขอเรียนชี้แจงว่า จากการจัดอันดับตลาดเกิดใหม่ 17 ประเทศของดิอิโคโนมิสต์ ประเทศไทยติดอันดับ 5 ของประเทศกลุ่มที่มีความเสี่ยงจากปัญหาสินเชื่อตึงตัวน้อยที่สุด รองจาก จีน มาเลเซีย ไต้หวัน และอินเดีย ตามลำดับ เนื่องจากเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระดับดี โดยเฉพาะเสถียรภาพภายนอก โดยจากการคาดการณ์ของดิอิโคโนมิสต์ ในปี 2552 ประเทศไทยน่าจะมีสัดส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP ร้อยละ 0.3 สัดส่วนหนี้ต่างประเทศระยะสั้นที่ร้อยละ 17 ของเงินทุนสำรองต่างประเทศ และอัตราส่วนของสินเชื่อต่อเงินฝากที่ 0.88 ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่าเกณฑ์ทั้ง 3 ด้าน

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ