รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 13 มีนาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 13, 2009 11:05 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 13 มี.ค. 2552

SUMMARY:

1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.52 ลดลงที่ระดับ 67.2

2. บริษัทที่ได้รับส่งเสริมจาก BOI รับผลกระทบทั้งแรงงาน ผลิต และจำหน่าย

3. ลงทุนจีนเดือนม.ค.-ก.พ. 52 โตร้อยละ 26.5 ต่อปี ผลจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ

HIGHLIGHT:
1.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.52 ลดลงที่ระดับ 67.2
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.52 ปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน มาอยู่ที่ระดับ 67.2 จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 68.3 สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภครู้สึกไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจและยังคงกังวลต่อปัญหาโดยรวมของเศรษฐกิจ ภาวะการจ้างงาน และราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และคาดว่าดัชนีดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงตลอดไตรมาสที่ 2 และอาจต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 3 โดยการบริโภคในประเทศคงยังชะลอตัวต่อเนื่องและอาจจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาสที่ 3
  • สศค. วิเคราะห์ว่า จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลง สอดคล้องกับดัชนีเศรษฐกิจไทยตัวอื่นๆ โดยเฉพาะตัวเลขส่งออกสินค้าและปริมาณผลผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ม.ค. 52 ที่หดตัวร้อยละ -26.5 และ -25.6 ต่อปี ซึ่งบ่งชี้ว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน และผลกระทบอาจจะส่งรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลจึงได้เร่งรัดการเบิกจ่ายในส่วนงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติไปแล้ว รวมถึงโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่กำลังจะออกมา เพื่อเพิ่มเงินเข้าสู่ระบบศ.ก.ให้รวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ การเร่งรัดเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นทุกๆ 2.5 หมื่นล้าน GDP จะเพิ่มขึ้น 0.4%
2. บริษัทที่ได้รับส่งเสริมจาก BOI รับผลกระทบทั้งแรงงาน ผลิต และจำหน่าย
  • BOI ได้ติดตามสถานการณ์ของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริม ในช่วงนี้ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินโลก พบว่าซับคอนแทร็กต์ในกลุ่มอุตฯยานยนต์ ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ต้องลดการจ้างงานแล้ว 42% รวมทั้งมีมาตรการลด OT ลดเงินเดือนลง เพื่อลดต้น นอกจากนี้ ในปี 2552 คาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตในจำนวน 370 บริษัทที่ได้รับส่งเสริมฯ จะลดลงเหลือ 57.5% และยอดขายในประเทศจะลดลง 13.3% เหลือเพียง 1.65 ล้านล้านบาท โดยยอดส่งออกในปี 2551 มียอดส่งออก 370 บริษัท รวมกันเพียง 2.4 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจากการที่อุปสงค์ของตลาดหลักได้หดตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 จะส่งผลให้การส่งออกของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมลดลงมากถึง 18%
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วงไตรมาส 4 ปี 51 จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 8.6 หมื่นคนต่อปี หรือขยายตัวสูงถึงร้อยละ 20.6 ต่อปี สะท้อนให้เห็นว่าผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกในปี 51 ได้ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงของไทยและส่งผลกระทบต่อการลดการจ้างงานอย่างชัดเจน ทั้งนี้ คาดว่าหากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยลดลงร้อยละ -1.0 ต่อปี จะส่งผลให้การจ้างงานลดลง 5.5 แสนคน ซึ่งจำเป็นที่ภาครัฐต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อาทิ การส่งเสริมการลงทุน และการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ เพื่อทดแทนอุปสงค์จากนอกประเทศ เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยหดตัวมากนัก
3. ลงทุนจีนเดือนม.ค.-ก.พ. 52 โตร้อยละ 26.5 ต่อปี ผลจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • ตัวเลขการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในเขตเมืองของจีนช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. 52 ขยายตัวถึงร้อยละ 26.5 ต่อปี เร่งขึ้นเล็กน้อยจากเดือนธ.ค. 51 ที่ร้อยละ 26.1 ต่อปี ซึ่งการขยายตัวครั้งนี้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยตัวเลขสินทรัพย์ถาวรในเขตเมืองนี้ ครอบคลุมถึงการก่อสร้างและซ่อมแซมปรับปรุงถนน โรงไฟฟ้า รางรถไฟ และอาคารชุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 4 ล้านล้านหยวน ที่รัฐบาลจีนได้ประกาศเมื่อเดือนพ.ย. 51 ที่ผ่านมา
  • สศค.วิเคราะห์ว่า การที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในเขตเมืองของจีนสามารถขยายตัวได้ดีนั้น ส่วนหนึ่งมาจากระบบเศรษฐกิจของจีนที่เป็นแบบรวมศูนย์ (Centralized Economy) ตามระบอบสังคมนิยม ทำให้สามารถเร่งการเบิกจ่ ยและบังคับใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว การลงทุนจึงอาจกลายเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนในยามที่การส่งออกซบเซาได้ และอาจมีผลให้การส่งออกของไทยไปยังจีน โดยเฉพาะในหมวดสินค้าทุนและวัสดุก่อสร้างขยายตัวได้ตาม อนึ่ง สศค.คาดการณ์ ณ เดือนธ.ค.51 ว่าในปี 52 นี้ เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวที่ร้อยละ 7.0 ต่อปี

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ