รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 9 มิถุนายน 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 9, 2009 11:34 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 9 มิ.ย. 2552

SUMMARY:

1. แบงก์พาณิชย์สนับสนุนธปท.พยุงบาทอุ้มส่งออก

2. เครดิต สวิส กรุ๊ป เอจี เพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนตลาดหุ้นไทย

3. รัฐมนตรีเกษตรกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาร่วมประชุมเพื่อฟื้นการเจรจาการค้าโลก

HIGHLIGHT:
1. แบงก์พาณิชย์สนับสนุนธปท.พยุงบาทอุ้มส่งออก
  • นายเสถียร ตันธนะสฤษดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เข้าแทรกแซงค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงหลังจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นจนหลุดกรอบ 34.0 บาท/เหรียญสหรัฐ เพราะผลดีของการแทรกแซงให้บาทอ่อนค่าลง จะช่วยผู้ส่งออกขายของได้ราคาแล้ว ยังเป็นการกดดันสถาบันการเงินอีกทางหนึ่ง เพราะเมื่อสภาพคล่องล้นก็เอื้อให้เกิดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การที่ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นมีผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยที่กำลังประสบปัญหาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากไทยพึ่งพาการส่งออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งการที่จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงจะเป็นการช่วยเหลือให้กับภาคการส่งออกเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของปี 52 การดูแลค่าเงินบาทอาจมีปัจจัยต่างๆที่ทำให้ค่าเงินบาทไม่อ่อนตัวลงมาก เช่น 1) ทิศทางความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของตลาดโลกที่เริ่มมีมากขึ้น ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าในกลุ่มประเทศเอเชียส่งผลให้ค่าเงินในแถบภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทยแข็งค่าขึ้น 2) การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยโดยคาดว่าทั้งปี 52 จะมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 24.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 9.0 ของ GDP
2. เครดิต สวิส กรุ๊ป เอจี เพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนตลาดหุ้นไทย
  • นายคิน นาน ชิค นักวิเคราะห์ของเครดิต สวิส กล่าวว่า ราคาหุ้นในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ในระดับ undervalue ซึ่งคุ้มค่าต่อการทุ่มซื้อในขณะนี้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงินของไทย ขณะที่ราคาหุ้นในตลาดไต้หวันติดอันดับตลาดที่ overvalue สูงสุดในกลุ่มเอเชีย ซึ่งตลาดหุ้นไทยยังคงติดอันดับตลาดหุ้นที่น่าลงทุนมากที่สุดในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ทั้งนี้ แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทเอกชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงสดใส โดยเครดิต สวิส ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิ.ย. อีกทั้งปรับเพิ่มผลประกอบการของบริษัทในฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และมาเลเซีย
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวดีขึ้นคิดเป็นร้อยละ 24.5 จากช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อภาวะเศรษฐกิจโลก และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ไทยเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนจากอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ที่สูงกว่าร้อยละ 5.1 ซึ่งอยู่ระดับสูงเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในเอเชีย
3. รัฐมนตรีเกษตรกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาร่วมประชุมเพื่อฟื้นการเจรจาการค้าโลก
  • รัฐมนตรีเกษตรผู้ส่งออกรายใหญ่จาก 19 ประเทศกำลังพัฒนา (กลุ่มประเทศเครนส์) ได้ร่วมประชุมหารือที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อผลักดันการเจรจาสินค้าเกษตรที่มีปัญหาภายใต้กรอบองค์การค้าโลก (WTO) ซึ่งได้เตรียมการหารือในประเด็นที่สหรัฐและสหภาพยุโรปได้อุดหนุนการส่งออกสินค้านมและสินค้าเกษตรอื่นๆ จนทำให้ราคาสินค้าผันผวนอย่างหนักหรือเกิดภาวะสินค้าล้นตลาดขึ้น ทั้งนี้ กลุ่มประเทศเครนส์มีเป้าหมายเพื่อลดการอุดหนุนสินค้าเกษตรและลดการอุดหนุนการส่งออกของประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งถือเป็นการบิดเบือนการค้าโลกและส่งผลกระทบต่อเกษตรกรของประเทศกำลังพัฒนา
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การเจรจาการค้าโลกในลักษณะพหุภาคีที่ผ่านมากลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีบทบาทสำคัญในการกำหนดระเบียบกติกาการค้าเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศตนโดยเฉพาะการอุดหนุนการผลิตสินค้าเกษตร ขณะที่กลุ่มประเทศโลกที่สามต่างประจักษุ์ถึงกความไม่เป็นธรรมจนทำให้การเจราการค้าพหุภาคีรอบโดฮานั้นไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งถือเป็น Repeated Game ดังนั้น การเจรจาการค้าทวิภาคีนั้นถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งทางการค้าในปัจจุบัน เนื่องมีพื้นฐานมาจากความเต็มใจในการเข้าร่วมเจรจาของประเทศคู่สัญญา

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ