สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ประจำกรุงวอชิงตัน ขอรายงานการแก้ไขตัวเลขเบื้องต้นมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่แท้จริงของสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2552 จัดทำโดยสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ (Bureau of Economic Analysis BEA) ภายใต้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ดังนี้
สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกาศแก้ไขตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง ประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 โดยปรับเพิ่มขึ้น 12,800 ล้านเหรียญสรอ. จากการคาดการณ์ครั้งก่อน สืบเนื่องจากปริมาณการลงทุนในสินค้าคงคลังของภาคธุรกิจ รวมทั้งมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้อัตราการหดตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีอยู่ที่ร้อยละ 5.7 จากเดิมที่คาดการณ์อัตราการหดตัวที่ร้อยละ 6.1 ทั้งนี้ การแก้ไขตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่แท้จริงโดยสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ สรุปได้ดังนี้
Advance Preliminary
Real GDP -6.1 -5.7 Current-dollar GDP -3.5 -3.1 Gross Domestic Purchase Price Index -1.0 -1.0 หน่วย: Precent change from preceding quarter ที่มา: สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (www.bea.gov)
ทั้งนี้การหดตัวของภาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกของปี 2552 เป็นผลจากการชะลอตัวของ (1) ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการ (2) การลงทุนของภาคธุรกิจในสินค้าคงคลัง การก่อสร้าง ตลอดจนเครื่องมือและซอฟแวร์ (3) การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย และ (4) การใช้จ่ายของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ปริมาณการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลที่แท้จริง (Real Personal Consumption Expenditures) ที่ปรับตัวดีขึ้นนับเป็นปัจจัยบวกที่กระตุ้นให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ตามที่ได้รายงานในโอกาสแรก
อนึ่ง นักวิเคราะห์คาดการณ์อัตราการหดตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 ที่ร้อยละ 3.0-3.5 และมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในไตรมาสที่ 3 ของปี เนื่องจากตัวเลขผลประกอบการหลังหักภาษีของภาคธุรกิจที่ดิ่งลงมากที่สุดในรอบ 15 ปี ถึงร้อยละ 10.7 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 นั้น ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 1.1 ในช่วสามเดือนแรกของปี 2552 ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวกที่บ่งชี้แนวโน้มการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเม็ดเงินลงทุนจากภาคธุรกิจในไตรมาสที่เหลือของปี อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการปรับเพิ่มตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงจากที่คาดการณ์เบื้องต้นจะหมายถึงความรุนแรงของการหดตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลง การหดตัวทางเศรษฐกิจถึงร้อยละ 5.7 ได้เน้นย้ำถึงภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยรุนแรงต่อเนื่องในสหรัฐฯ ประกอบการขาดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่เห็นได้จากตัวเลขการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคที่ลดลงในเดือนเมษายนที่ผ่านมา จึงมีความจำเป็นที่ทางการสหรัฐฯ จะต้องดำเนินมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคอย่างเร่งด่วน เพื่อกระตุ้นปริมาณการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 70 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ภายใต้กฎหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจและการลงทุนแห่งสหรัฐอเมริการ ประจำปี 2009 (The American Recovery and Reinvestment Act of 2009)
ที่มา : Macroeconomic Analysis Group : Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th