Macro Morning Focus ประจำวันที่ 19 มิ.ย. 2552
SUMMARY:
1. ม.หอการค้าไทยคาดจีดีพีไทยไตรมาส 2 ลดลง 5.3%
2. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดไข้ใหญ่ 2009 ฉุด GDP ลงร้อยละ 0.1-0.3
3. ยอดขายสินค้าอุตสาหกรรมของมาเลเซียทรุด
HIGHLIGHT:
1. ม.หอการค้าไทยคาดจีดีพีไทยไตรมาส 2 ลดลง 5.3%
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มในไตรมาสที่ 2 ปี 2552 ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2552 ว่า ไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยมีสัญญาณของการลดลง 5.3% ต่อเนื่องจากไตรมาสที่หนึ่ง เป็นผลมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน ประกอบกับวิกฤติเศรษฐกิจโลก ที่ส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยยังคงหดตัวลง ถึงแม้ว่าจะเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นแล้วก็ตาม ขณะที่ สัญญาณของสภาพคล่องของธุรกิจเริ่มมีปัญหามากขึ้นโดยเฉพาะ SMEs รวมทั้งการบริโภคภายในประเทศยังคงมีสัญญาณของการชะลอตัวลง และการลงทุนจริงก็ยังไม่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ราคาพลังงานก็เริ่มมีทิศทางสูงเป็นทำให้ผู้ประกอบการมีความกังวลต่อต้นทุนที่สูงขึ้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะเผชิญปัจจัยเสี่ยง เช่น เศรษฐกิจโลกยังคงหดตัว ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่สูงขึ้นเร็ว ค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่า และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยยังคงหดตัว โดย สศค. คาดว่า หากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจได้เต็มที่ในไตรมาส 3 และ 4 จะช่วยให้เศรษฐกิจหดตัวน้อยลงและขยายตัวเป็นบวกในไตรมาส 4 ทั้งนี้ หากรัฐบาลสามารถเร่งเบิกจ่ายเพิ่มขึ้นทุกๆ 25,000 ล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.1%
2. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดไข้ใหญ่ 2009 ฉุด GDP ลงร้อยละ 0.1-0.3
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจไทยจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะส่งผลกระทบมากกับธุรกิจท่องเที่ยว ค้าปลีก ค้าส่งธุรกิจบริการโดยสารสาธารณะ และกิจกรรมอื่นๆ ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด โดยคาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจรวมมูลค่าประมาณ 9,000-28,000 ล้านบาท โดยร้อยละ 65เป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นในภาคธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งอาจมีผลทำให้เศรษฐกิจปี 52 ลดลงร้อยละ 0.1-0.3 จากที่เคยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจทั้งปีจะหดตัวที่ร้อยละ 3.5
- สศค. วิเคราะห์ว่า ผลของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ 2009 จะกระทบโดยตรงต่อธุรกิจการท่องเที่ยวและการบริโภค และเศรษฐกิจไทยในปี 2552 แต่คาดว่าไม่รุนแรงมากนักเมื่อเทียบโรคซาร์และไข้หวัดนก แต่อย่างไรก็ตาม ภาครัฐอาจต้องมีนโยบายในการควบคุมโรคที่ชัดเจน และอาจต้องมีมาตรการในการช่วยเหลือธุรกิจดังกล่าวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ คาดว่า เศรษฐกิจไทยปี 2552 จะหดตัวที่ร้อยละ (-2.5)- (-3.5) ต่อปี (แต่ สศค.เตรียมแถลงประมาณการเศรษฐกิจไทยอีกครั้งในวันที่ 25 มิ.ย. นี้)
3. ยอดขายสินค้าอุตสาหกรรมของมาเลเซียทรุด
- ทางการมาเลเซียประกาศยอดขายสินค้าอุตสาหกรรมของมาเลเซีย เดือน เม.ย.52 โดยหดตัวถึงร้อยละ -26.2 ต่อปี หดตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่หดตัวร้อยละ -25.6 ต่อปี (ตัวเลขปรับปรุง) โดยเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 นอกจากนี้จำนวนผู้ที่ทำงานในภาคอุตสาหกรรมหดตัวร้อยละ -7.7 ต่อปี รวมทั้งค่าจ้าง และผลตอบแทนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมหดตัวถึงร้อยละ -9.4 ต่อปี บ่งชี้ถึงภาคอุตสาหกรรมของมาเลเซียที่ยังคงซบเซา จากผลพวงของวิกฤตเศรษฐกิจโลก
- สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจของมาเลเซียเป็นเศรษฐกิจระดับของการเปิดประเทศที่สูงถึงกว่า 2 เท่าของ GDP โดยการส่งออกมีสัดส่วนสูงถึงกว่า 1.2 เท่าของ GDP โดยสินค้าส่งออกหลักของมาเลเซียคือสินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเครื่องจักรกลไฟฟ้า ซึ่งเป็นสินค้าคงทนและมีความอ่อนไหวต่อสภาพเศรษฐกิจโลกสูง เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจึงส่งผลกระทบถึงภาคอุตสาหกรรมของมาเลเซียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การส่งออกของไทยไปยังมาเลเซียจึงอาจได้รับผลกระทบตาม อนึ่ง มาเลเซียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 6 ของไทย มีสัดส่วนการส่งออกร้อยละ 5.6 ของมูลค่าการส่งออกรวม
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th