ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ดังนี้
1. เปิดนโยบายค่าใช้จ่ายด้านงบประมาณปี 2553 รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและประกันสังคมเป็นอันดับแรก
2. สินทรัพย์ทางการเงินของทุกภาคเศรษฐกิจญี่ปุ่นลดลงถ้วนหน้า จากผลตอบแทนการลงทุนลดต่ำลง
3. กองทุนบำเหน็จบำนาญรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อระดมเงินทุน ให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายเพื่อผู้เกษียณอายุ
4. FSA ออกคำสั่งให้บริษัท JDC หยุดดำเนินกิจการเป็นเวลา 3 เดือน หลังนำเงินลูกค้าไปใช้หนี้บริษัทของตนเอง
---------------------------------------
นาย Kaoru Yosano รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยว่า เมื่อวันอังคารที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมาที่ประชุม Council on Economic and Fiscal Policy โดยมีนายกรัฐมนตรี Aso เป็นประธานว่า ภายใต้ร่างแผน Fiscal Policy’s Guideline ซึ่งจะใช้เป็นแนวทางจัดทำงบประมาณในปี 2553 โดยรัฐบาลจะจัดสรรทรัพยากรของประเทศซึ่งรวมงบประมาณและบุคลากรจากทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องสำหรับด้านต่างๆ ดังนี้
1) สร้างโอกาสการจ้างงานแก่คนหนุ่มสาวที่เพิ่งจบการศึกษา
2) สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชีย
3) ส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 15 ภายในปี 2563 เมื่อเทียบกับปี 2548
4) ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบประกันสังคมให้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่ต้องดูแลผู้ประสบความเดือดร้อนจากวิกฤตเศรษฐกิจ (เดิม อดีตนายกรัฐมนตรี Koizumi ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะลดการใช้จ่ายด้านประกันสังคมลงปีละ 220 พันล้านเยน เพื่อปรับปรุงฐานะการคลังของประเทศ)
5) เลื่อนการใช้เป้าหมายทางการคลังออกไปจากเดิมจะจัดทำงบประมาณเกินดุลในปี 2554 เป็นปี 2562 เนื่องจากรัฐบาลมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ
BOJ เปิดเผยว่า ผลของดัชนีราคาหลักทรัพย์ตกต่ำต่อเนื่องลง อันเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ทำให้สินทรัพย์ทางการเงินของบุคคลต่างๆ ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่ถืออยู่ ณ สิ้นปีงบประมาณ 2551 (มี.ค.52) ลดลงถ้วนหน้า
ภาคครัวเรือนญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 3.7 ต่ำสุดในรอบ 5 ปี หลังจากที่ลดลงติดต่อกันมาเป็นเวลา 6 ไตรมาสแล้ว
รายงานยังได้กล่าวว่า ผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นและตราสารทางการเงินอื่นๆ (Shares and other Equities) ลดลงร้อยละ 33.5 ลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 6 ไตรมาส ในขณะที่ผลตอบแทนการลงทุนในสินทรัพย์อื่น (Investment Trust) ลดลงร้อยละ 25.1 ลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 5 ไตรมาสแล้ว
อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ส่วนบุคคลในรูปเงินสดและเงินฝากกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 เพิ่มขึ้นติดต่อกันมาเป็นเวลา 9 ไตรมาสแล้ว แสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการเก็บเงินสดไว้กับตัวหรือฝากธนาคาร มากกว่าลงทุนในตลาดทุน
นอกจากนี้ สินทรัพย์ในภาคธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆ ลดลงร้อยละ 14.6 ต่ำสุดในรอบ 6 ปี
กองทุนบำเหน็จบำนาญรัฐบาลญี่ปุ่น (Government Pension Fund) ซึ่งมีเงินทุนมากที่สุดในโลกจำนวน 120 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เตรียมขายพันธบัตรรัฐบาลที่ถืออยู่เพื่อระดมเงินทุนเพื่อให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายเพื่อผู้เกษียณอายุ
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ 2546 Government Pension Investment Fund ซึ่งเป็นผู้บริหารกองทุนบำเหน็จบำนาญรัฐบาลญี่ปุ่นได้กลายเป็นหน่วยงานอิสระไม่ขึ้นกับรัฐบาลอีกต่อไป จึงไม่สามารถลงทุนในการซื้อพันธบัตรของรัฐบาลได้ต่อไปแล้ว ทำให้ต้องขายพันธบัตรที่ถืออยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อระดมเงินทุนแทน (จากเดิมได้รับเงินจัดสรรเงินงบประมาณจากบัญชีพิเศษ (Special Account) เพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลและได้เป็นผู้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลรายใหญ่ที่สุด) ข่าวนี้ได้ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนของพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันนักลงทุนก็ลังเลที่จะลงทุนในตลาดหุ้น ทำให้บริษัทเอกชนมีแนวโน้มระดุมทุนยากขึ้น
Finance Service Agency (FSA) ได้ออกคำสั่งให้ Japan Digital Content Trust Inc. (JDC) เป็นบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจกองทุนบริหารสินทรัพย์ (Trust) ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับการจดลิขสิทธิ์ภาพยนต์ แต่ไม่ได้ทำธุรกิจดังกล่าว กลับนำเงินของลูกค้าไปชำระหนี้ของบริษัท ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ในปี 2548 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลได้ผ่อนปรนกฎระเบียบเพื่อก่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจด้านการเงินมากขึ้น แต่บริษัทได้อาศัยช่องโหว่ทางกฎระเบียบใช้เงินของลูกค้าเพื่อประโยชน์ของตนเองจากความล้มเหลวในการบริหารบริษัทของ JDC ทำให้ FSA ได้ออกคำสั่งให้หยุดดำเนินกิจการชั่วคราวเพื่อปรับปรุงระบบการบริหารให้ดีขึ้น แต่หากไม่สามารถปรับปรุงได้ FSA จะต้องถอนใบอนุญาตประกอบการของ JDC
สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ณ กรุงโตเกียว
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th