บทสรุปผู้บริหาร
ในปี 2551 การส่งออกของไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปยัง 14 ประเทศคู่ค้าหลักถึงร้อยละ 79.8 ของมูลค่าการส่งออกรวม โดยเป็นการส่งออกไปยังประเทศกลุ่มตลาดหลัก (สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น) ด้วยสัดส่วนกว่าหนึ่งในสาม ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของประเทศทั้งสามที่เกิดจากวิกฤตในภาคการเงิน จึงมีผลต่อการส่งออกของไทยและประเทศเพื่อนบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2552 ประเทศไทยได้ส่งออกสินค้าหมวดต่างๆ ไปยังตลาดรองอันได้แก่ จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ ตะวันออกกลาง และทวีปแอฟริกามากขึ้น และมีการขยายตัวของการส่งออกสินค้าไปยังตลาดรองเหล่านี้ในบางเดือน ในยามที่เศรษฐกิจของตลาดหลักซบเซา ตลาดรองและตลาดเกิดใหม่เหล่านี้ อาจทำหน้าที่เสมือนน้ำมันที่จะช่วยหล่อลื่นการส่งออก ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยได้
การส่งออกของไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2552 ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน หดตัวถึงร้อยละ -21.0 ต่อปี และหากหักทองคำออก มูลค่าการส่งออกจะหดตัวถึงร้อยละ -26.4 ต่อปี อย่างไรก็ตาม หากเราคำนวณอัตราการขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว มูลค่าการส่งออกในเดือนเมษายนจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และหากไม่นับรวมทองคำซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่มีวงเงินสูงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.0 เทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยสินค้าส่งออกหลัก มีการหดตัวโดยถ้วนหน้า เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากอัตราการขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าโดยขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในหมวดหลักเริ่มมีแนวโน้มการฟื้นตัว
เมื่อพิจารณารายประเทศและรายสินค้า พบว่า การส่งออกไปยังประเทศจีนเป็นตลาดที่เด่นที่สุดในด้านการฟื้นตัว อีกทั้งสินค้าที่ส่งไปยังประเทศจีนยังสะท้อนถึงภาคการผลิตในจีนที่ส่งสัญญาณดีขึ้น ขณะที่การส่งออกทองคำไปยังฮ่องกง ออสเตรเลีย และสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ตัวเลขการส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์หดตัวไม่มากนัก แต่ก็ไม่ได้สะท้อนถึงภาคการผลิตที่แท้จริง ส่วนตะวันออกกลางมีการส่งออกรถยนต์ที่ขยายตัวในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2552 และข้าวที่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และทวีป แอฟริกาที่มีการส่งออกโครงสร้างที่ทำด้วยเหล็กที่มีมูลค่าสูงไปยังมาดากัสการ์
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th