รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 24 มิถุนายน 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 24, 2009 11:08 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 24 มิ.ย. 2552

SUMMARY:

1. ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.52 เพิ่มขึ้นเป็น 78.5

2. คณะรัฐมนตรีสั่ง ธพว. ขยายระยะเวลาชำระหนี้แก่ธุรกิจที่ขาดสภาพคล่อง

3. ธนาคารโลกปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 52 ลงมาที่หดตัวร้อยละ -2.9 ต่อปี

HIGHLIGHT:
1. ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.52เพิ่มขึ้นเป็น 78.5
  • ประธานสภาอุตฯ เผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย (TISI) เดือน พ.ค.52 อยู่ที่ระดับ 78.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนมี.ค.52 ที่ระดับ 76.3 เนื่องจากนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของไทยและประเทศต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจมีสัญญาณการฟื้นตัว ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อและยอดขายจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้น ตลอดจนสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง อย่างไรก็ตามค่าดัชนีที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 38 นับตั้งแต่เดือนเม.ย.49 เป็นต้นมา สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่ไม่แข็งแกร่งมากนัก
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยที่มีมากขึ้นหลังจากเศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว ยอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเริ่มกลับเข้ามาอีกครั้งโดยเฉพาะในสินค้าหมวดอิเลคทรอนิกส์มียอดการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยในเดือนพ.ค. 52 มีมูลค่าการส่งออก 2.1 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐสูงที่สุดในรอบ 6 เดือน ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยในปี 51 ที่ 2.6 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อเดือน อย่างไรก็ดีสถาบันการเงินควรพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้กับภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องเมื่อการผลิตกลับมาสู่ระดับปกติ
2. คณะรัฐมนตรีสั่ง ธพว. ขยายระยะเวลาชำระหนี้แก่ธุรกิจที่ขาดสภาพคล่อง
  • เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 52 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) ขยายเวลาชำระหนี้ หรืองดชำระหนี้เงินต้นเป็นการชั่วคราวให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากปัจจัยภายนอกตามภาวะธุรกิจของแต่ละกิจการ พร้อมกับให้ขยายความร่วมมือไปสู่สถาบันการเงินของรัฐและเอกชนต่อไปตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และมอบให้กระทรวงการคลังและ ธพว. จัดทำรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้งภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อให้เปิดรับสมัครเอสเอ็มอีให้เข้าโครงการตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การดำเนินมาตรการการขยายเวลาชำระหนี้และงดชำระหนี้เงินต้น จะช่วยลดภาระให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ ยังเป็นการช่วยธนาคารให้สามารถรับชำระหนี้จากธุรกิจได้มากขื้นในอนาคต อย่างไรก็ดี การดำเนินการดังกล่าวต้องมีการส่งเสริมร่วมกับเอสเอ็มอี ในด้านความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากยอดคงค้างสินเชื่อของ ธพว. ในปี 2552 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (ณ เดือนพฤษภาคม 52 ธพว. มียอดคงค้างสินเชื่อจำนวน 44,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 44,285 ล้านบาท) ทั้งนี้ จากข้อมูลการสิ้นสภาพกิจการเอสเอ็มอีในเดือนมกราคม 2552 พบว่า กิจการที่มีการสิ้นสภาพสูงสุด ได้แก่ กิจการขายส่งขายปลีก คิดเป็นร้อยละ 39.1 ของจำนวนกิจการสิ้นสภาพ 1,337 ราย
3. ธนาคารโลกปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 52 ลงมาที่หดตัวร้อยละ -2.9 ต่อปี
  • ธนาคารโลกได้ประกาศปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกในปี 52 ลงมาอยู่ที่ระดับการหดตัวที่ร้อยละ -2.9 ต่อปีจากเดิมที่คาดไว้จะหดตัวที่ร้อยละ -1.7 ต่อปี พร้อมกล่าวเตือนว่าประเทศกำลังพัฒนาอาจเผชิญกับความเสี่ยงจากไหลออกของเงินทุนซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ตกงานและผู้ที่มีรายได้น้อย โดยทางธนาคารโลกคาดว่าเงินทุนเคลื่อนย้ายภาคเอกชนอาจจะหดตัวลงจากระดับ 707 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 51 มาอยู่ที่ประมาณระดับ 363 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 52 ทั้งนี้ ทางธนาคารโลกได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 53 เช่นกัน โดยคาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ในระดับร้อยละ 2.0 ต่อปี ลดลงจากเดิมที่คาดว่าน่าจะขยายตัวได้ในระดับที่ร้อยละ 2.3 ต่อปีในเดือน มี.ค. 52
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ความเสี่ยงจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกยังคงมีอยู่มาก แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจในด้านการผลิตและความเชื่อมันจะบ่งชี้ว่าภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจโลกน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วและน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาประกอบภาคการส่งออกในหลายประเทศได้รับอานิสงค์จากอุปสงค์ความต้องการนำเข้าของประเทศจีนที่ยังขยายตัวในระดับที่ดีอยู่ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจภาคอุปสงค์โดยเฉพาะภาคการลงทุนเอกชนในประเทศส่วนใหญ่ยังคงหดตัวอยู่มาก ทั้งนี้ ฐานะทางการคลังที่ปรับตัวลดลงอาจส่งผลให้หลายประเทศต้องเริ่มพิจารณาถึงการลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงและอาจจะส่งผลต่อความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจจริงอีกครั้ง ซึ่งอาจส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นไปได้ช้า

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ