Macro Morning Focus ประจำวันที่ 10 ก.ค. 2552
SUMMARY:
1. หอการค้าไทย คาดไข้หวัดใหญ่ 2009 ฉุด GDP ติดลบร้อยละ 3.8-4.8 ต่อปี
2. ภาคเอกชนหนุนมาตรการรัฐฯต่ออายุลดค่าครองชีพช่วยเหลือประชาชนถึงสิ้นปี
3. ยอดจำหน่ายรถยนต์ของจีนในเดือน มิ.ย. 52 ปรับตัวสูงขึ้น
HIGHLIGHT:
1. หอการค้าไทย คาดไข้หวัดใหญ่ 2009 ฉุด GDP ติดลบร้อยละ 3.8-4.8 ต่อปี
- ม.หอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจโดยรวม เดือนมิ.ย.52 อยู่ที่ระดับ 65.4 จากเดือนที่ระดับ 64.3 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยได้รับปัจจัยบวกจากพ.ร.ก. และพ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านผ่านรัฐสภา นอกจากนี้ยังประเมินสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เบื้องต้นว่า หากรัฐบาลยังไม่สามารถควบคุมได้ จะส่งผลกระทบให้จำนวนท่องเที่ยวลดลง 0.5 — 1.0 ล้านคน ส่งผลให้ปี 2009 GDP หดตัวที่ร้อยละ (-4.8) - (-3.8) ต่อปี
- สศค. วิเคราะห์ว่า จากการประเมินผลโดยใช้แบบจำลองเศรษฐกิจมหภาค (Macro Model) พบว่าผลของไข้ใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงประมาณ 1.8 ล้านคน มาอยู่ที่ 12.2 ล้านคน คิดเป็นการสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 146 พันล้านบาท จากกรณีฐาน และจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตลดลงจากกรณีไม่มีไข้หวัดร้อยละ -0.85 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ -3.0 ต่อปี อยู่ในช่วง-3.5 ถึง -2.5 ต่อปี ตามแถลงข่าวของสศค.
2. ภาคเอกชนหนุนมาตรการรัฐฯต่ออายุลดค่าครองชีพช่วยเหลือประชาชนถึงสิ้นปี
- กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย เปิดเผยในหลักการสนับสนุนมาตรการของรัฐบาลต่ออายุลดค่าครองชีพช่วยเหลือประชาชนถึงสิ้นปี เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันยังไม่ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะการจ้างงานที่ยังวางใจไม่ได้ และการใช้จ่ายของภาครัฐที่ยังมีไม่มาก ซึ่งกว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะต่อไป นั้น จำเป็นจะต้องใช้เวลาอีกระยะ
- ในขณะที่ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผย การต่ออายุ 5 มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ นั้น เห็นด้วยว่าควรต่ออายุไปอีก 6 เดือน เพราะขณะนี้เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น และคาดว่าสถานการณ์ระยะต่อไปน่าจะมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ทยอยดำเนินการไปก่อนหน้านี้จะเริ่มเห็นผล
- สศค. วิเคราะห์ว่า สศค. เห็นด้วยในการต่ออายุลดค่าครองชีพช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาลถึงสิ้นปี เนื่องจากเป็นการลดผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงของประชาชน และเป็นการเพิ่มเงินในมือประชาชนเพื่อการใช้จ่ายหมุนเวียนมากขึ้นในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อจีดีพีไทยที่จะไม่หดตัวมากขึ้น แต่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง
3. ยอดจำหน่ายรถยนต์ของจีนในเดือน มิ.ย. 52 ปรับตัวสูงขึ้น
- ยอดจำหน่ายรถยนต์ในเดือนมิ.ย. 52 ของจีน มีจำนวนทั้งสิ้น 1.14 ล้านคัน หรือคิดเป็นการขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 36.5 ต่อปี โดย ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือน มิ.ย. 52 มีจำนวนทั้งสิ้น 872,900 คันหรือปรับตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 48.4 ต่อปี ทั้งนี้สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ของประเทศจีน คาดการณ์ว่าในปี 2552 จีนจะมียอดจำหน่ายรถยนต์ทั้งสิ้น 11 ล้านคันหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.3 ต่อปี ซึ่งสูงกว่าที่สมาคมฯ คาดการณ์ไว้เดิมที่ 10.2 ล้านคัน
- สศค. วิเคราะห์ว่า ยอดการจำหน่ายรถยนต์ของประเทศจีนที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน โดยเฉพาะมาตรการด้านภาษีที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดอุปทานรถยนต์ภายในประเทศเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ช่วยให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการส่งออกยางพาราของไทย
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th