รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2552

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 14 ก.ค. 2552

1. รัฐบาลเตรียมพิจารณาลดภาษีน้ำมันและต่ออายุ 5 มาตรการ

2. ดัชนีเชื่อมั่นอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นรับสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น

3. เวียดนามเร่งพัฒนา ไชนาบีช แข่งภูเก็ต

• คณะรัฐมนตรีเตรียมพิจารณาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันจากลิตรละ 7 บาท ลงเหลือลิตรละ 5 บาท รวมทั้งการต่ออายุ 5 มาตรการ 6 เดือนเพื่อลดค่าครองชีพแก่ประชาขนที่จะสิ้นสุดในเดือน ก.ค. นี้ เนื่องจากราคาน้ำมันโลกในปัจจุบันมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นและมีความผันผวนอยู่ในระดับสูง จนมีความจำเป็นต้องหามาตรการมารองรับหากเกิดวิกฤติของราคาน้ำมันขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ รมต. พลังงาน (นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล) ได้เชิญผู้แทนจากบริษัท ปตท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อทบทวนมาตรการส่งเสริมการใช้ก๊าซเอ็นจีวีในภาคขนส่งภายในสัปดาห์นี้

• สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วงที่ผ่านมาการดำเนินการ 5 มาตรการ 6 เดือน ประกอบด้วย (1) มาตรการลดค่าใช้จ่ายน้ำประปาของครัวเรือน โดยรัฐจะรับภาระค่าใช้จ่ายการใช้น้ำของผู้ใช้น้ำประเภทที่อยู่อาศัยและผู้เช่าที่อยู่อาศัยที่มีปริมาณการใช้น้ำระหว่าง 0 ถึง 30 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน (2) มาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน โดยรัฐจะรับภาระค่าใช้จ่ายไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน (3) มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง จำนวน 800 คัน ใน 73 เส้นทาง (4) มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 ในเชิงสังคม จำนวน 164 ขบวน และ (6) ชะลอการปรับราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ในภาคครัวเรือน ระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีส่วนช่วยในการลดค่าครองชีพของประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่กำลังประสบปัญหา เศรษฐกิจ

• ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยว่า จากการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 ของปี 52 พบว่าค่าดัชนีความเชื่อมั่นเท่ากับ 48.1 ปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาที่มีค่าดัชนี 42.2 ถือเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากเคยอยู่ในระดับต่ำสุดที่ 36.3 ในไตรมาส 4 ปี 51 การที่ดัชนีความเชื่อมั่นในไตรมาสปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้น แสดงถึงผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยและสถานการณ์การเมืองได้ปรับตัวดีขึ้นมาก

• สศค. วิเคราะห์ว่าดัชนีความเชื่อมั่นอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 ที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีมากขึ้นหลังจากเศรษฐกิจภายในประเทศและสถานการณ์การเมืองได้ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับ การต่ออายุมาตราการภาษีธุรกิจเฉพาะในการโอนอสังหาริมทรัพย์ออกไปอีก 1 ปี ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และผู้บริโภคในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น

• เวียดนามเปิดเผยว่า นักลงทุนจำนวนมากทั้งชาวต่างชาติและชาวเวียดนามกำลังรอเพื่อจับจองพื้นที่บริเวณชายฝั่งภาคกลางของประเทศระยะทางกว่า 30 ก.ม. ตั้งแต่เมืองดานังไปถึงเมืองฮอยอันเพื่อเตรียมพร้อมสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวของประเทศ ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเวียดนามคาดการณ์ว่าชายฝั่งดังกล่าว หรือไชนาบิช อาจกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภูมิภาคแข่งกับเกาะบาหลีของอินโดนีเซีย หรือ จังหวีดภูเก็ตของประเทศไทยในอนาคต

• สศค. วิเคราะห์ว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยโดยมีมูลค่าร้อยละ 5 ของ GDP แต่ปัจจุบันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังประสบภาวะถดถอย เนื่องจาก (1) ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย (2) การระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 และ (3) ความไม่แน่นอนทางการเมือง ทั้งนี้ พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 52(ม.ค.-พ.ค.52) มีจำนวนทั้งสิ้น 5.6 ล้านคน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 15.9 ต่อปี

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th