Macro Morning Focus ประจำวันที่ 20 ก.ค. 2552
1. รัฐบาลทุ่มงบไทยเข้มแข็ง 1.8 หมื่นล้านบาท พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จ.เชียงใหม่
2. อัดฉีดเงิน 8 แสนล้านบาท อสังหาริมทรัพย์ไทยเริ่มฟื้นไตรมาส 4 ปี 52
3. ธ.กลางอินโดพร้อมรักษาเสถียรภาพตลาดเงินทุนหลังเหตุการณ์ระเบิด
- ประธานหอการค้า จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่เริ่มซบเซาตั้งแต่ต้นปี 52 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง เศรษฐกิจโลก รวมทั้งสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ลดลงประมาณร้อยละ 30 ต่อปี ส่งผลให้รายได้ลดลงถึงร้อยละ 20-30 ต่อปี อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาชมแพนด้าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้เชื่อว่างบประมาณที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาล จำนวน 18,600 ล้านบาทจากโครงการไทยเข้มแข็ง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เศรษฐกิจในจังหวัดเชียงใหม่ปรับตัวดีขึ้นได้ ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
- สศค. วิเคราะห์ว่า งบประมาณจากโครงการไทยเข้มแข็ง ให้กับจ.เชียงใหม่ ได้รับการจัด สรรเพื่อนำไปพัฒนาด้านการศึกษา คมนาคม ระบบน้ำและสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งมีความพร้อมจะเริ่มดำเนินการก่อนสิ้นปีงบประมาณ 53 และเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กระตุ้นทั้งการลงทุนและเพิ่มการบริโภคด้านการท่องเที่ยวได้โดยตรงและน่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากปัจจัยไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ ทั้งนี้ หากสถานการณ์การไข้หวัดสายพันธ์ใหม่คลี่คลายได้โดยเร็ว สศค.คาดว่าทั้งปี 52 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศ 12.2 ล้านคนคิดเป็นอัตราการหดตัวลงร้อยละ 16.1 ต่อปี โดยจะนำรายได้เข้าสู่ประเทศ 438 ล้านบาท
- นายกสมาคมอสังหาฯ เผยว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 จะทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1 แต่จะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส 3 และ 4 ของปี 52 หากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว และการเมืองเริ่มนิ่ง ซึ่งจะเพิ่มความมั่นใจของผู้ประกอบการและผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าเงินกู้ 8 แสนล้านบาท ที่คาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายและพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคในด้านต่างๆ ในครึ่งปีหลังนี้จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของไทย รวมถึงมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ทั้งการลดค่าโอน ค่าจดจำนอง ลดภาษีธุรกิจเฉพาะ และการให้นำเงินซื้อบ้านมาหักลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งจะทำให้เกิดธุรกรรมมากขึ้นช่วงปลายปี ทั้งนี้ไข้หวัดใหญ่ 2009 อาจทำให้ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของผู้บริโภคลดลง แต่จะไม่มีผลกระทบต่อการซื้อขายบ้านโดยตรง
- สศค. วิเคราะห์ว่า สถานการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทยเริ่มหดตัวลงในช่วงปลายปี 51 ต่อเนื่องต้นปี 52 ที่ร้อยละ -2.3 และ -0.4 ต่อปี ในไตรมาสที่ 4 ปี 51และไตรมาส 1 ปี 52 ตามลำดับ ตามการชะลอตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนในประเทศ ทั้งนี้ คาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะมีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 52 เนื่องจากมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสอดคล้องกับทิศทางของเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะค่อยๆ หดตัวน้อยลงในไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 และจะขยายตัวเป็นบวกในไตรมาสที่ 4 ของปี 52
- รองผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) กล่าวว่า BI จะยังคงรักษาเสถียรภาพในตลาดปริวรรตเงินตราหลังเกิดเหตุระเบิดโรงแรมครั้งรุนแรงในกรุงจาการ์ตาในเช้าวันศุกร์ที่ 17 ก.ค. ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 50 ราย ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกและเทขายเงินรูเปียห์อินโดนีเซีย ทำให้ค่าเงินอ่อนลงทันทีร้อยละ 0.7 มาอยู่ที่ 10,200 รูเปียห์ต่อดอลลาร์สหรัฐ
- สศค. วิเคราะห์ว่าเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนี้เป็นผลลบต่อเศรษฐกิจอินโดนีเซียทั้งในระยะสั้นที่ทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลงและดัชนีตลาดหลักทรัพย์ผันผวน ในขณะที่ระยะยาวนั้นหากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อ อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวและผู้บริโภค รวมถึงการบริโภคเอกชนที่มีสัดส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 61 ของ GDP ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจอินโดนีเซียขยายตัวต่ำกว่าที่ สศค. เคยคาดไว้ว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 2 ในปี 52
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th