รายได้รัฐบาลประจำเดือนมิถุนายน 2552 และในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 21, 2009 10:10 —กระทรวงการคลัง

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนมิถุนายน 2552 รัฐบาลจัดเก็บรายได้ 143,411 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้รัฐบาลในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม 2551 — มิถุนายน 2552) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,021,098 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ กระทรวงการคลังคาดว่า การจัดเก็บรายได้ตลอดทั้งปีงบประมาณ 2552 จะต่ำกว่าประมาณการตามเอกสาร งบประมาณ (1,604,640 ล้านบาท) น้อยกว่า 280,000 ล้านบาท ตามที่คาดไว้เดิม โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

1. เดือนมิถุนายน 2552 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 143,411 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกัน ปีที่แล้ว 46,876 ล้านบาท หรือร้อยละ 48.6 เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 26,087 และ 26,388 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากวันสุดท้ายของการยื่นชำระภาษีจากผลกำไรสุทธิ รอบสิ้นระยะเวลาบัญชีปี 2551 ตรงกับวันหยุด จึงได้มีการเลื่อนระยะเวลาการยื่นชำระภาษีวันสุดท้ายเป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2552 ทำให้มีรายได้ส่วนหนึ่งเหลื่อมมาใน

เดือนมิถุนายน 2552 นอกจากนี้ ภาษีน้ำมันจัดเก็บได้ 13,331 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 7,177 ล้านบาท หรือร้อยละ 116.6 เนื่องจากการปรับเพิ่มอัตราภาษีน้ำมันตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประกอบ กับการจัดเก็บภาษีน้ำมันในเดือนเดียวกันปีที่แล้วอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นอย่าง รวดเร็ว

อย่างไรก็ดี มูลค่าการนำเข้าที่หดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ได้ส่งผลให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าและอากรขาเข้าต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วจำนวน 5,139 และ 2,372 ล้านบาท หรือร้อยละ 26.4 และ 29.0 ตามลำดับ นอกจากนี้ภาษีรถยนต์ ยาสูบ และสุรา จัดเก็บได้ต่ำกว่าเดือน เดียวกันปีที่แล้ว 1,279 1,149 และ 1,085 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.4 37.5 และ 35.1 ตามลำดับ โดยในกรณีของภาษียาสูบและสุราที่จัดเก็บได้ ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ทั้ง ๆ ที่มีการปรับเพิ่มอัตราภาษีตั้งแต่เดือน พฤษภาคมนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากผู้ประกอบการได้เร่งผลิตสินค้าในช่วงที่มีข่าวจะปรับเพิ่มอัตราภาษี

2. ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม 2551 — มิถุนายน 2552) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,021,098 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 110,931 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.8 เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมหลัก ที่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วโดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล อากรขาเข้า และภาษีรถยนต์ นอกจากนี้ การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจก็ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วเช่นกัน

ผลการจัดเก็บรายได้ตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้

2.1 กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 825,005 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 74,491 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.3 ภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่สำคัญ ได้แก่

  • ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ต่ำกว่าปีที่แล้ว 50,906 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.8 เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งที่เก็บจากการนำเข้าและการบริโภคในประเทศต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว

ร้อยละ 25.6 และ 3.7 ตามลำดับ อันเนื่องมาจากการหดตัวลงของสภาวะเศรษฐกิจ

  • ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่ แล้ว 31,272 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.3 เป็นผลจากผลประกอบการโดยรวมของธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2551 ที่ลดลง อันเนื่องจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ
  • ภาษีธุรกิจเฉพาะจัดเก็บได้ต่ำกว่าปีที่แล้ว 6,836 ล้านบาท หรือร้อยละ 32.8 เนื่องจากภาษีที่จัดเก็บในปีงบประมาณ 2552 ได้รับผลกระทบจากมาตรการลดภาษีธุรกิจเฉพาะเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2551

อย่างไรก็ดี ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจัดเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 20,115 ล้านบาท หรือร้อยละ 31.1 เนื่องจากผลประกอบการของธุรกิจที่เกี่ยวกับการขุดเจาะปิโตรเลียมในปี 2551 อยู่ในระดับที่ดี จากราคาน้ำมันดิบที่สูงในช่วงปี 2551

2.2 กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 206,008 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 12,210 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.6 สาเหตุสำคัญมาจากการจัดเก็บภาษีรถยนต์ที่ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่ประชาชนชะลอการซื้อสินค้าคงทน ประกอบกับสถาบันการเงินระมัดระวังในการให้สินเชื่อมากขึ้น

2.3 กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 59,078 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 14,287 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.5 เนื่องจากอากรขาเข้าจัดเก็บได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 14,781 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.7 ซึ่งเป็นผลจากการหดตัวของมูลค่าการนำเข้าสินค้า โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม 2551 - พฤษภาคม 2552) มูลค่าการนำเข้าในรูปเงินดอลลาร์ สรอ. และเงินบาทต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 22.2 และ 17.8 ตามลำดับ

2.4 รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้ 62,292 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 18,846

ล้านบาท หรือร้อยละ 23.2 โดยมีรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน บมจ.กสท.โทรคมนาคม และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตามลำดับ

2.5 หน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 67,335 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 6,650 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.0 เนื่องจากการจัดเก็บรายได้จากค่าภาคหลวงปิโตรเลียม สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วค่อนข้างมาก

2.6 การคืนภาษีของกรมสรรพากร 159,544 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 5.3 ประกอบด้วยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 124,659 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 2,756 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.2 และการคืนภาษีอื่นจำนวน 34,885 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 10,759 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.6 เนื่องจากการคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ค่อนข้างสูง

สำนักนโยบายการคลัง

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

โทร 02 273 9020 ต่อ 3500 และ 3545

--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 87/2552 16 กรกฎาคม 52--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ