รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 22, 2009 12:27 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 22 ก.ค. 2552

SUMMARY:

1. การส่งออกของไทยไปยังประเทศจีนเดือน มิ.ย. 52 ปรับตัวดีขึ้น

2. บริษัทกำไรดี ดันราคาน้ำมันสูงกว่า 64 เหรียญสหรัฐฯ

3. ธปท.ส่งสัญญาณไม่ปรับตัวเลขเศรษฐกิจ

HIGHLIGHT:
1. การส่งออกของไทยไปยังประเทศจีนเดือน มิ.ย. 52 ปรับตัวดีขึ้น
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยแนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศจีนว่ามีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้น แม้ว่ายอดรวมการส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกของปี 52 จะยังคงติดลบอยู่ โดยการส่งออกสินค้าไทยไปจีนเดือน มิ.ย. 52 หดตัวที่ร้อยละ -3.5 ต่อปี ซึ่งหดตัวลดลงจากเดือนก่อน ทั้งนี้ สินค้าที่จีนมีความต้องการนำเข้าเพิ่มขึ้นได้แก่ ทองแดง อะลูมิเนียม เหล็ก พลาสติกขั้นต้นและยางสังเคราะห์ เป็นต้น
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การส่งออกไทยไปยังหลายประเทศเริ่มมีสัญญาณหดตัวลดน้อยลงโดยเฉพาะในประเทศจีน เนื่องจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน ที่ทำให้จีนมีความต้องการนำเข้าสินค้าเพิ่มมากขึ้นเพื่อสนับสนุนโครงการก่อสร้างและการบริโภคภายในประเทศ และเมื่อพิจารณาตัวเลขส่งออกจากไทยไปจีนเปรียบเทียบเดือนก่อนหน้าพบว่าขยายตัวสูงถึงร้อยละ 8.9 (%mom) สำหรับ ภาพรวมการส่งออกของไทยในเดือนมิ.ย. 52 หดตัวร้อยละ -25.9 ต่อปี ทั้งนี้ สศค. คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 52 ในรูปดอลลาร์สหรัฐ จะหดตัวในช่วงร้อยละ -21.2 ถึง -19.2 ต่อปี
2. บริษัทกำไรดี ดันราคาน้ำมันสูงกว่า 64 เหรียญสหรัฐฯ
  • ราคาน้ำมันดิบในตลาดเอเชียงวดส่งมอบล่วงหน้าเดือนสิงหาคมได้ปรับตัวขึ้นไปแล้ว 83 เซนต์มาอยู่ที่ 64.39 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากราคาปิดตลาดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 63.56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล การปรับเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลจากการประกาศผลประกอบการของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ ที่ดีขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลต่อกรณีโอกาสการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯในปีนี้
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทดังกล่าวส่งสัญญาณบวกต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคตและราคาน้ำมัน ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของ สศค. ณ เดือนมิถุนายนที่ว่า ในปี 2552 ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 61.2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงอย่างมากจากประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา ประกอบกับอุปสงค์ที่คาดว่าจะหดตัวจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น ราคาก็อาจกลับมาผันผวนอีกครั้งจากการเก็งกำไรในตลาดน้ำมัน
3. ธปท.ส่งสัญญาณไม่ปรับตัวเลขเศรษฐกิจ
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจปีนี้โดยรวมยังไม่ดีขึ้นแต่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายประการเริ่มสะท้อนในทิศทางที่ดีจากเดือนก่อนหน้า เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ในเดือนมิถุนายน ลดลงมาที่ร้อยละ -11.7 ต่อปี ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ -17 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 65.4 จากระดับ 64.3 ในเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังเป็นปัจจัยที่ต้องระวัง ทั้งนี้ เมื่อเดือนเมษายน ธปท. เคยคาดการณ์ว่า จีดีพีปีนี้น่าจะเติบโตที่ร้อยละ -3.5 ถึง -1.5 ต่อปี มีโอกาสจะเกิดขึ้นถึงร้อยล่ะ 98.7 ส่วนจีดีพีปีหน้าคาดไว้ที่ร้อยละ 1.5-3.5 ต่อปี มีโอกาสเกิดร้อยละ 97.5 ภายใต้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปีนี้ที่ร้อยละ 0-1 ต่อปี ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้อยู่ที่ร้อยละ -1 ถึง 1 ต่อปี
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การที่ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ในเดือนมิถุนายนปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเป็นผลมาจากปัจจัยบวกที่มีมาตรการภาครัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน และแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ดีขึ้นทำให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าเพิ่มขึ้น ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นผลจากปัจจัยบวกที่ พ.ร.ก. และ พ.ร.บ. กู้เงิน 4 แสนล้านบาทผ่านรัฐสภา ทำให้คาดว่าจะมีเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ ณ เดือน มิถุนายน ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวที่ร้อยละ -3.0 ต่อปี

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ