สรุปความเห็นนักวิเคราะห์ต่อทิศทางตลาดเงินตลาดทุนสัปดาห์นี้
คาดว่าค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อน โดยนักวิเคราะห์ 5 รายมองว่า ค่าเงินบาทน่าจะแข็งค่าขึ้นเนื่องจากแนวโน้มการปรับตัวขึ้นของ DJIA จากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนออกมาดีเกินคาด ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมากขึ้น และขาย USD ออกมา ส่งผลให้ USD อ่อนค่าลงเทียบกับเงินสกุลหลักและภูมิภาคยกเว้น JPY รวมทั้งการกลับเข้าซื้อ Local currency Capital Inflows ในตลาดหุ้นซึ่งจะหนุนให้ค่าเงินสกุลต่างๆ แข็งค่าขึ้น ส่วนนักวิเคราะห์ 3 รายเห็นว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงและยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่มากำหนดทิศทางค่าเงินบาท
คาดว่า Bond Yield อายุ 2 ปี จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีนักวิเคราะห์ 7 รายมองว่า Yield จะปรับเพิ่มขึ้น จากอุปทานในการออกพันธบัตรและตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ทยอยประกาศออกมา และทิศทางตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนนักวิเคราะห์ 2 รายมองว่า Yield มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการส่งสัญญาณของธปท. ในการประชุม กนง. ครั้งล่าสุดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสปรับตัวลงหากสถานการณ์มีแนวโน้มแย่ลงในช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับ Bond Yield อายุ 10 ปี นักวิเคราะห์ 5 รายคาดว่าสัปดาห์นี้อัตราผลตอบแทนจะค่อยๆ ปรับตัวในทิศทางขาขึ้น แต่ต้องจับตาสภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นและราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งหากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอาจทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น และหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวมีโอกาสปรับตัวขึ้น ส่วนนักวิเคราะห์ 2 รายเห็นว่า Yield จะไม่เปลี่ยนแปลงมาก เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่ๆ มากำหนดทิศทาง อีกทั้งพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีเป็นที่ต้องการจากนักลงทุนประเภทกองทุนมาก และนักลงทุนส่วนใหญ่จะซื้อแล้วถือยาว ทำให้ผลตอบแทนในตลาดไม่ผันผวนมาก ส่วนนักวิเคราะห์ 2 รายเห็นว่า Yield มีแนวโน้มจะปรับลดลงเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการการลงทุนที่ยังมีอยู่อย่างมากจะยังคงส่งผลให้เส้นอัตราผลตอบแทนในส่วนของพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวยังคงปรับตัวลงได้อีก
คาดว่า SET มีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยนักวิเคราะห์ 5 รายคาดว่า SET จะปรับตัวลดลง เนื่องจากแรงเทขายทำกำไรของกองทุนและนักลงทุนต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีกังวลเรื่องการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ส่วนนักวิเคราะห์ 4 รายคาดว่า SET จะปรับตัวสูงขึ้น จากปัจจัยบวกที่คาดว่าตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 2 จะดีขึ้น
นักวิเคราะห์คาดว่านักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันจะขายสุทธิใน SET เนื่องจากจะขายทำกำไรในช่วงตลาดปรับตัวขึ้น
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th