ไตรมาสที่ 1 / 2552 (ม.ค. 52-มี.ค.52) การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4/2551 โดยมีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นจำนวนทั้งสิ้น 158.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.79 แต่โดยภาพรวมการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศยังคงซบเซา ซึ่งเป็นผลมาจากการหดตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1/2551 จะเห็นว่าการคืนภาษีฯ ลดลงร้อยละ 15.55 โดยท่าอากาศยานกรุงเทพเป็นท่าอากาศยานที่มีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 93.52 ของการคืนภาษีฯทั้งหมด โดยไตรมาสที่ 1/2552 สินค้าที่มีการขอคืนภาษีฯ มากที่สุด 5 อันดับแรก คือ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อัญมณี นาฬิกา เครื่องเงินและเครื่องใช้ไฟฟ้า ตามลำดับ นอกจากนี้จากสถิติพบว่านักท่องเที่ยวชาวอินเดียยังคงมีการขอคืนภาษีฯ มากที่สุด สำหรับจำนวนผู้ประกอบการและจำนวนสาขาของผู้ประกอบการที่ขายสินค้าที่สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4/2551 โดยจำนวนผู้ประกอบการได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.92 ส่วนจำนวนสาขาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.52
สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ลดระดับความรุนแรงลงจากไตรมาสที่ 4/2551 ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเริ่มเดินทางเข้ามาในประเทศมากขึ้น การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานต่าง ๆ ในไตรมาสที่ 1/2552 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น158.26ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4/2551 คิดเป็นร้อยละ 17.79 หรือ 23.90 ล้านบาท แต่เปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 1/2551 การคืนภาษีฯ ลดลง 29.14 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 15.55 จากสถิติจะเห็นได้ว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวยังหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยวิกฤติเศรษฐกิจโลกและผลกระทบด้านการเมืองที่ยังคงมีอยู่
สำหรับท่าอากาศยานที่มีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มมากที่สุดในไตรมาสที่ 1/2552 ทั้งจำนวนรายและมูลค่าของสินค้าได้แก่ ท่าอากาศยานกรุงเทพ โดยมีจำนวนภาษีที่ขอคืน 148 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 93.52 ของมูลค่าการคืนภาษีฯ ทั้งหมด มูลค่าดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4/2551 คิดเป็นร้อยละ 17.79 หรือ 22.35 ล้านบาท สำหรับท่าอากาศยานที่มีการคืนภาษีฯรองลงมา ได้แก่ ท่าอากาศยานภูเก็ต เชียงใหม่และอู่ตะเภา ตามลำดับ ทั้งนี้ไม่มีการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่
ประเภทของสินค้าที่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศนิยมซื้อและขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มมากที่สุด 5 อันดับแรกในช่วงไตรมาสที่ 1/2552 ได้แก่ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย (ร้อยละ 33.96)อัญมณีที่ประกอบเป็นตัวเรือน (ร้อยละ 8.66 ) นาฬิกา (ร้อยละ 7.04) เครื่องเงินเครื่องประดับ (ร้อยละ 6.91) และเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ (ร้อยละ 6.61) ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบสินค้าที่ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวพบว่าสินค้าเกือบทุกประเภท ยกเว้นนาฬิกามีการขอคืนภาษีฯ เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น
นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่ซื้อสินค้าและขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มมากที่สุด 5 อันดับแรกในไตรมาส 1/2552 ได้แก่ อินเดีย ญี่ปุ่น จีน สิงค์โปร์ และออสเตรเลีย ตามลำดับโดยนักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดียยังคงขอคืนภาษีฯ มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งเป็นเงิน 25.16 ล้านบาท จากสินค้ามูลค่า 384.49ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.09 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4/2551ขณะที่นักท่องเที่ยวจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีการขอคืนภาษีฯมากเป็นอันดับสองเป็นเงิน 13.58 ล้านบาท มีมูลค่าการซื้อสินค้าทั้งสิ้น 207.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.86เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4/2551 ส่วนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนขอคืนภาษีฯ อยู่ในอันดับสามเป็นเงิน 11.49ล้านบาท มีมูลค่าการซื้อสินค้าทั้งสิ้น175.78 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4/2551 ลดลงร้อยละ 29.95
จำนวนผู้ประกอบการและจำนวนสาขาของผู้ประกอบการขายสินค้าที่สามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในไตรมาสที่1/2552 มีจำนวน 1,023 ราย และ 3,087 แห่ง ตามลำดับ โดยมีจำนวนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.92 ส่วนจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.52 จากไตรมาสก่อน
**ตั้งแต่ปี 2543 นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจะได้รับแบบ ภ.พ. 10 เพื่อขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อซื้อสินค้าราคารวมตั้งแต่ 2,000 บาท จากร้านค้าเดียวกัน ในวันเดียวกัน และเมื่อรวมการซื้อสินค้าทั้งสิ้นจะต้องไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท ขึ้นไปจึงจะสามารถขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้จากท่าอากาศยานระหว่างประเทศ 5 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานอู่ตะเภา **
จัดทำโดยสำนักนโยบายภาษี โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3518
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th