ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange (TSE)) ได้ร่วมมือกับ London Stock Exchange (LSE) จัดตั้ง Tokyo Alternative Investment Market (Tokyo AIM) เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา โดยใช้นำรูปแบบโครงสร้างจาก London AIM ที่บริหารโดย LSE มาใช้ การจัดตั้ง Tokyo AIM มีจุดประสงค์เพื่อ เป็นแหล่งระดมเงินทุนให้แก่บริษัทที่กำลังพัฒนาในเอเชีย และเพิ่มโอกาสการลงทุนให้แก่นักลงทุนมืออาชีพทั้งในและนอกประเทศ โดย Tokyo AIM ให้บริการผู้เชี่ยวชาญให้แก่บริษัทที่ต้องการจะเข้าตลาดผ่าน Japanese Nominated Advisor (J-Nomad) ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่น 6 บริษัท เพื่อให้คำปรึกษาและช่วยดำเนินการ ทั้งด้านกฎหมาย และระบบบัญชี เป็นต้น ซึ่งจะเป็นฐานการพัฒนาตลาดในระยะยาว
ข้อแตกต่างระหว่างตลาดหลักทรัพย์ทั่วไปในญี่ปุ่นกับ Tokyo AIM ได้แก่ 1) สามารถใช้ได้ทั้งภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นในการเปิดเผยข้อมูล 2) Tokyo AIM มีการใช้มาตรฐานบัญชีทั้งแบบในประเทศ และแบบสากล รวมทั้งแบบของสหรัฐฯ ซึ่ง J-Nomad จะพิจารณาความเหมาะสม 3) ข้อกำหนดในการจดทะเบียนในตลาดนั้นไม่ได้พิจารณาจากตัวเลขทางการเงินต่างๆ เท่านั้น แต่ยึดความเห็นของ J-Nomad ที่จะเป็นผู้พิจารณาเป็นหลัก เป็นต้น
ในระบบของ Tokyo AIM นั้น J-Nomad เป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในการพิจารณาอนุญาตให้บริษัทต่างชาติเข้าจดทะเบียนใน Tokyo AIM ปัจจุบันมีบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับเลือกจาก Tokyo AIM ให้เป็น J-Nomad จำนวน 6 บริษัท ได้แก่ 1) Daiwa Securities SMBC Co. Ltd. 2) Mitsubishi UFJ Securities Co., Ltd. 3) Mizuho Investors Securities Co., Ltd 4) Mizuho Securities Co., Ltd. 5) Nikko Citigroup Limited 5) Nomura Securities Co., Ltd. มีหน้าที่หลักคือ การตรวจสอบและพิจารณาบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาด Tokyo AIM รวมทั้งจัดเตรียมเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นในการเข้าตลาด โดยทุกบริษัทต่างชาติที่จะเข้าตลาดนั้นจะต้องได้รับการรับรองจาก J-Nomad ก่อนจึงจะเข้าร่วมได้
เมื่อมองจากต่างชาติแล้ว โครงสร้างโดยรวมของ Tokyo AIM นั้นไม่ต่างกับตลาดหลักทรัพย์ทั่วไป แต่สำหรับในญี่ปุ่นถือว่าเป็นตลาดรูปแบบใหม่ที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมในตลาดและนักลงทุนชาวต่างชาติ โดยญี่ปุ่นมีฐานจำนวนนักลงทุนมาก ทำให้ความสามารถในการระดมเงินทุนในตลาดค่อนข้างสูงกว่าประเทศอื่นๆในแถบเอเชีย แต่ที่ผ่านมา บริษัทต่างชาติที่ต้องการเข้าร่วมใน TSE นั้นต้องประสบปัญหาทางด้านภาษาและมีค่าใช้จ่ายที่สูงเนื่องจาก TSE เป็นตลาดที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นหลักในการดำเนินการทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆเช่นการแปลเอกสารหรือการจ้างเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ด้านภาษาญี่ปุ่น จึงไม่เป็นที่นิยม
การเปิดตลาด Tokyo AIM ใหม่นี้ มีข้อดีต่อประเทศญี่ปุ่น เช่น การบังคับให้บริษัทต่างชาติที่ต้องการเข้าตลาดใช้ตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ของญี่ปุ่นคือ J-Nomad เป็นนายหน้าในการเข้าตลาดและแม้หลังจากเข้าตลาดแล้วก็ยังคงต้องใช้บริการต่อไป ซึ่งไม่ต่างกับที่กรณีปกติ ที่บริษัทที่เข้าตลาดจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ตลาดหลักทรัพย์นั้นๆ แต่ในกรณีนี้เป็นการจ่ายให้ J-Nomad แทน และการเปิดตลาดใหม่ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษและมาตรฐานบัญชีสากลได้ เป็นต้น นั้นเป็นความคืบหน้าในการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ของญี่ปุ่นที่ต้องการเป็นศูนย์กลางทางด้านการเงินของเอเชีย มาตลอดแต่มีอุปสรรคหลายประการ เช่น ที่ผ่านมาTSE ยังขาดความเป็น Internationalized บุคลากรขาดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษในการเปิดเผยข้อมูลผลดำเนินการของบริษัทเป็นภาษาอังกฤษที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทต่างชาติจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเพียง 2 บริษัทเท่านั้น (เทียบกับ LSE จำนวน 87 บริษัท ตลาดหลักทรัพย์ สิงค์โปร์จำนวน 53 บริษัท — จากข้อมูล TSE) เมื่อเปรียบเทียบตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ดังนั้น การเปิดตลาดใหม่ครั้งนี้นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ญี่ปุ่นจะก้าวเข้าสู่การพัฒนาเป็นตลาดสากล เช่นเดียวกับตลาดหลักทรัพย์ สิงค์โปร ฮ่องกง เป็นต้น รวมทั้งอาจจะเป็นโอกาสให้บริษัทไทย หรือบริษัทร่วมทุนไทย-ญี่ปุ่นที่สามารถมาระดมทุนในญี่ปุ่นได้ในอนาคต
สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจการคลัง ประจำกรุงโตเกียว
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th