Macro Morning Focus ประจำวันที่ 5 ส.ค. 2552
SUMMARY:
1. กระทรวงพลังงานยืนยันยังไม่มีการปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน
2. กรณ์ชี้ยังไม่ถึงเวลาลดภาษีเงินได้นิติบุคคล
3. ประธานธนาคารเอชเอสบีซี เผยธุรกิจธนาคารในสหรัฐฯ ดีขึ้นเหนือความคาดหมาย
HIGHLIGHT:
1. กระทรวงพลังงานยืนยันยังไม่มีการปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ยังไม่มีนโยบายลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เนื่องจากกองทุนต้องเตรียมเงินสำรองไว้ใช้ในการดูแลราคาน้ำมันในอนาคตหากมีการปรับเพิ่มขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว โดยเห็นว่าราคา ณ ปัจจุบันอยู่ในระดับที่ประชาชนสามารถรับภาระได้แม้ในขณะนี้ราคาน้ำมันโลกจะเริ่มปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันโลกมีการคาดการณ์ว่าจะปรับตัวลงเล็กน้อยในสัปดาห์หน้าเป็นผลจากการคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบที่สหรัฐจะเพิ่มขึ้น ประมาณ 1 ล้านบาร์เรล
- สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันนอกจากจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยตรงแล้ว ยังส่งผลถึงภาคการผลิตด้วยเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะฉะนั้นภาคการผลิตควรหันมาสนใจในเรื่องของพลังงานทดแทนมากขึ้นเพื่อเป็นการลดต้นทุนรวมไปถึงช่วยผู้บริโภคในทางอ้อมด้วย ทั้งนี้ สศค. คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะปรับตัวลงอีกครั้ง โดยเฉลี่ยในปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 61.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ระหว่าง 55.0 — 65.0 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (คาดการณ์ ณ เดือนมิถุนายน)
2. กรณ์ชี้ยังไม่ถึงเวลาลดภาษีเงินได้นิติบุคคล
- นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่เสนอให้รัฐบาลลดภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจว่า รัฐบาลมีนโยบายจะปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลอยู่แล้ว เพื่อส่งเสริมความสามารถทางการแข่งขัน เพราะเห็นว่าอัตราภาษีดังกล่าวของไทยอยู่ในระดับสูงเกินไป โดยเห็นว่าควรจะอยู่ในระดับร้อยละ 25 จากปัจจุบันจัดเก็บในอัตราร้อยละ 30 อย่างไรก็ตาม การลดภาษีดังกล่าวจะต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสมด้วย
- สศค. วิเคราะห์ว่า การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงน่าจะมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจลงทุนมากขึ้น เนื่องจากอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของไทยที่ร้อยละ 30 ยังสูงกว่าอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของประเทศคู่แข่ง เช่น มาเลเซียที่มีอัตราภาษีที่ร้อยละ 26 และสิงคโปร์ที่มีอัตราภาษีที่ร้อยละ 18 อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงในช่วงปัจจุบันถือว่ายังไม่เหมาะสม เนื่องจากขณะนี้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลยังต่ำกว่าเป้า โดยล่าสุดรายได้สุทธิของรัฐบาลในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 52 มีจำนวน 1,021.1 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 145.0 พันล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
3. ประธานธนาคาร HSBC เผยธุรกิจธนาคารในสหรัฐฯ ดีขึ้นเหนือความคาดหมาย
- ประธานธนาคาร HSBC เปิดเผยว่าธุรกิจธนาคารในสหรัฐฯ ขยายตัวดีขึ้นเหนือความคาดหมาย หลังประสบปัญหาขาดทุนหนักในตลาดซับไพรม์ปี 2551 โดยผลการดำเนินงานของธนาคาร HSBC ในครึ่งปีแรกของปี 2552 ธนาคารมีกำไรสูงถึง 3.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากรายได้ของธุรกิจหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า ตลาดเงินของสหรัฐอาจผ่านจุดต่ำสุดของวัฏจักรไปแล้ว และเศรษฐกิจของสหรัฐและเศรษฐกิจโลกจะกลับมาดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ธนาคารประกาศผลประกอบการ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้น HSBC จากระดับ neutral มาเป็นระดับ overweight
- สศค.วิเคราะห์ว่า ผลประกอบการของธุรกิจธนาคารในสหรัฐในครึ่งปีแรกของปี 2552 ที่ดีขึ้นกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้นั้น เป็นสัญญาณว่าภาคการเงินของสหรัฐอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐในไตรมาสที่ 2 ปี 2552 ที่ GDP (เบื้องต้น) หดตัวร้อยละ -1.0 ต่อปี หดตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (qoq annualized) ที่หดตัวถึงร้อยละ -6.4 ต่อปี โดยเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th