วันนี้ คณะรัฐมนตรีได้รับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอในเรื่องการขับเคลื่อนสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เพื่อให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจหน้าที่เป็นกลไกของรัฐเพื่อฟื้นฟูและช่วยเหลือกลุ่มประชาชนและธุรกิจเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี มาตรการดังนี้
1. เป้าการอนุมัติสินเชื่อใหม่ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจปรับเพิ่มเป้าหมายการอนุมัติการ ปล่อยสินเชื่อปี 2552 จากเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ที่ 625,500 ล้านบาท อีก 301,500 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 927,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางสรุปการปรับปรุงเป้าการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
หน่วย : ล้านบาท
SFIs เป้าการอนุมัติ เป้าสินการอนุมัติเชื่อเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เป้าการอนุมัติ สินเชื่อเดิม สินเชื่อใหม่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและ 323,000 147,000 470,000 สหกรณ์การเกษตร* ธนาคารออมสิน 162,600 80,000 242,600 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 73,500 26,500 100,000 ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง 26,000 17,500 43,500 และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า 19,700 17,500 37,200
แห่งประเทศไทย
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 20,700 13,000 33,700 รวม 625,500 301,500 927,000
หมายเหตุ *ปีบัญชีของ ธ.ก.ส. เริ่ม 1 เมษาน-31 มีนาคม
2. การแยกบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อให้สถาบัน การเงินเฉพาะกิจทำหน้าที่เป็นกลไกของรัฐเพื่อฟื้นฟูและช่วยเหลือกลุ่มประชาชนและธุรกิจเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในกลุ่มเป้าหมาย ที่มีวัตถุประสงค์ทางด้านเศรษฐกิจและด้านสังคม ในขณะเดียวกัน สถาบันการเงินเฉพาะกิจก็สามารถดำเนินการอย่างมั่งคงและยั่งยืน กระทรวงการคลังจึงมีนโยบายให้
สถาบันการเงินเฉพาะกิจแยกบัญชีธุรกรรมที่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อฟื้นฟู และช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจเป้าหมาย ออกจากบัญชีธุรกรรมทั่วไปเพื่อที่จะได้ดูแลหรือชดเชยรายได้ส่วนที่ขาดหายไปแก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจเหล่านั้นอย่างเป็นระบบชัดเจน โดยมี กรอบในการพิจารณาโครงการที่สามารถแยกบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐได้ ดังนี้
1) เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์และรูปแบบการให้บริการเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย หรือการก่อวินาศกรรม ตามคำจำกัดความของพระราชบัญญัติป้องกันฝ่ายพลเรือน พ.ศ. 2522 หรือ ฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพ หรือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน วิสาหกิจ และหน่วยธุรกิจ และต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี หรือ
2) เป็นโครงการหรือธุรกรรมของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีเงื่อนไขผ่อนปรน หรือธุรกรรมที่รัฐบาลสั่งการให้สถาบันการเงิน เฉพาะกิจดำเนินการเป็นกรณีพิเศษ โดยต้องมีมติคณะรัฐมนตรีระบุให้มีการชดเชยหรือสนับสนุนเงินทุนจากรัฐบาลแก่สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ ดำเนินการตามนโยบายรัฐอย่างชัดเจน
สำหรับเกณฑ์การผ่อนปรนที่สามารถเสนอกระทรวงการคลังเพื่อผ่อนปรนกว่าเกณฑ์ปกติเช่น
อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ และค่าเบี้ยประกัน เช่น อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด หรือมีการยกเว้นการเรียกเก็บ ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ และค่าเบี้ยประกัน
หลักประกัน เช่น ไม่มีหลักประกัน หรือหลักประกันต่ำกว่าสินเชื่อที่ให้บริการเป็นอย่างมาก
ระยะเวลา เช่น มีระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ หรือระยะเวลาปลอดการชำระหนี้มากกว่าระยะเวลาที่สถาบันการเงินทั่วไป พึงยึดถือปฏิบัติ ปลอดการชำระเงินต้น
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาโครงการและกำหนดมาตรฐานการคำนวณเงินชดเชย รวมถึงสรุปวงเงินที่ควรได้รับ การชดเชยเพื่อประกอบการขอตั้งงบประมาณ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางในการแผกบัญชีและกำหนดตัวชี้วัดในแต่ละโครงการ เพื่อให้การดำเนิน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์แก่การดำเนินนโยบายของรัฐเพื่อการเร่งรัดการแก้ไขบัญหา และพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของ ประเทศอย่างแท้จริงและยั่งยืน
สำนักนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงิน
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร 0-2273-9020 ต่อ 3245
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 101/2552 5 สิงหาคม 52--