รายงานการเคลื่อนย้ายเงินทุน ไตรมาสที่ 2 ปี 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 20, 2009 15:55 —กระทรวงการคลัง

ไตรมาสที่ 1 ปี 2552 (ม.ค. 52-มี.ค. 52) ดุลบัญชีเงินทุนขาดดุล 2,691 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 9,112 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลการชำระเงินเกินดุล 7,428 ล้านดอลลาร์สหรัฐ1 สำหรับสาเหตุสำคัญของการขาดดุลบัญชีเงินทุน เนื่องจากการคืนเงินกู้ต่างประเทศของภาคเอกชน รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ไทยจำนวนมาก การลงทุนโดยตรงที่ต่ำ และการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง

คาดว่าไตรมาสที่ 2 ปี 2552 (เม.ย.52-มิ.ย 52) ดุลบัญชีเงินทุนจะขาดดุล 1,646 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสาเหตุสำคัญมาจาก การคืนเงินกู้ต่างประเทศของภาคเอกชน รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ในระดับสูง การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ลดลงจากไตรมาสที่ 1 ปี 2552 และการลงทุนในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ส่งผลการขาดดุลบัญชีเงินทุนต่ำกว่าไตรมาสที่ 1 ปี 2552

1. สถานการณ์ดุลบัญชีเงินทุนไตรมาส 1 ปี 2552

ดุลบัญชีเงินทุนขาดดุล 2,691 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 9,112 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลการชำระเงินเกินดุล 7,428 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสาเหตุสำคัญของการขาดดุล บัญชีเงินทุนเกิดจาก 1) คืนเงินกู้ต่างประเทศของภาคเอกชนรวมทั้งธนาคารพาณิชย์ไทยจำนวนมาก 2) การลงทุนโดยตรงที่ต่ำ และ 3) การขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยที่มีเงินทุนไหลออกในการลงทุนในหลักทรัพย์ 99 ล้านดอลลาร์สหรัฐขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีเงินไหลเข้าถึง 3,699 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

1.1 สถานการณ์การลงทุนโดยตรง ไตรมาส 1 ปี 2552

การลงทุนโดยตรงสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2552 มีมูลค่า 1,582 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง ร้อยละ 34.6 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศมีมูลค่า 577 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 6.7 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 26.7 ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีมูลค่า 2,159 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 27.0 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนโดยกลุ่มนักลงทุนสำคัญที่มีการลงทุนในประเทศ คือ นักลงทุนจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา โดยมีมูลค่า 644 269 และ 167 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ

1.2 สถานการณ์การลงทุนในหลักทรัพย์ ไตรมาส 1 ปี 2552

การลงทุนในหลักทรัพย์สุทธิไตรมาสที่ 1 ปี 2552 มีเงินทุนไหลออกมูลค่า 99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมีการไหลเข้าของเงินทุนสูงถึง 3,699 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศ มีเงินทุนไหลเข้า (การขายหลักทรัพย์ที่ลงทุนในต่างประเทศของนักลงทุนไทยและส่งเงินกลับประเทศ) มูลค่า 403 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมีเงินทุนไหลเข้าสูงถึง 2,420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์จากต่างประเทศมีเงินทุนไหลออกมูลค่า 502 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ช่วง เดียวกันของปีก่อนมีเงินทุนไหลเข้ามูลค่า 1,279 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การลงทุนในตราสารทุนจากต่างประเทศมีเงินทุนไหลออกมูลค่า 255 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีเงินทุนไหลออก 492 ล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุที่การขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลกฉุดความเชื่อมันนักลงทุน โดยกลุ่มนักลงทุนสำคัญที่มีการลงทุนในประเทศ คือ ญี่ปุ่น สิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีมูลค่า 638 389 และ171 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ

สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้จากต่างประเทศ มีเงินทุนไหลออก 247 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่เป็นเงินทุนไหลเข้า 1,770 ดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบว่า การซื้อขายสุทธิของ นักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาสที่ 1 ปี 2552 มีมูลค่าขายสุทธิ 5,546 ล้านบาท สาเหตุที่มีการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติเกิดจากความกังวลต่อวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนถึงการฟื้นตัว ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าส่งผลให้เกิดการขายหุ้นทั่วโลกรวมถึงภูมิภาคเอเชียและประเทศไทย รวมทั้งสถานการณ์การเมืองไทย ทำให้นักลงทุนต่างชาติลดการลงทุน

1.3 สถานการณ์การลงทุนอื่น ๆ ไตรมาส 1 ปี 2552

การลงทุนอื่น ๆ สุทธิไตรมาสที่ 1 2552 มีเงินทุนไหลออก 4,175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ช่วงเดียวกันจากปีก่อนมีเงินไหลเข้า 7,048 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การลงทุนอื่น ๆ ของต่างประเทศมีเงินทุนไหลออก 1,487 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการไหลออกของเงินทุนเพียง 17 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการลงทุนอื่น ๆ ของไทยในต่างประเทศมีเงินทุนไหลออก 2,687 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะช่วงเดียวกันของปีก่อนมีเงินทุนไหลเข้าถึง 7,048 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

2. แนวโน้มการเคลื่อนย้ายเงินทุน ไตรมาสที่ 2 ปี 2552

คาดว่าไตรมาสที่ 2 ปี 2552 ดุลบัญชีเงินทุนจะขาดดุล 1,646 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะขาดดุลน้อยกว่าในช่วงเดียวกันในปี 2551ที่มีการขาดดุลสูงถึง 3,129 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และน้อยกว่าในไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 (มูลค่า 2,691 ล้านดอลาร์สหรัฐ)โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการคืนเงินกู้ต่างประเทศของภาคเอกชน รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ในระดับสูง และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ลดลงจากไตรมาสที่ 1 ปี 2552 อย่างไรก็ตามมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ส่งผลการขาดดุลบัญชีเงินทุนต่ำกว่าไตรมาสที่ 1 ปี 2552

คาดว่าการลงทุนโดยตรงสุทธิไตรมาสที่ 2 ปี 2552 มีมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.8 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ข้อมูลการออกใบอนุญาตการส่งเสริมการลงทุนสำหรับชาวต่างชาติในไตรมาสนี้อยู่ในระดับต่ำกว่าในไตรมาสก่อน

คาดว่าการลงทุนในตราสารทุนของชาวต่างชาติในไตรมาสที่ 2 ปี 2552 จะมีมูลค่าเงินทุนไหลเข้า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากข้อมูลการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ในตลาดหลักทรัพย์ จากการคาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในเอเชียจะปรับตัวดีขึ้น และจากปัจจัยบวกจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของไทย สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ที่คาดจะดีขึ้น รวมทั้งปัญหาการเมืองในประเทศไทยที่คลี่คลาย

สำหรับการลงทุนอื่น ๆ คาดว่ามีการไหลออก 3,246 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการคืนเงินกู้ต่างประเทศในระดับสูงต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ของภาคเอกชน รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ของไทย

ที่มา : Macroeconomic Analysis Group : Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ