รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 2 กันยายน 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 2, 2009 12:02 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 2 ก.ย. 2552

Summary

1. รมว. กค. แนะ กนง. ทบทวนดอกเบี้ยนโยบายสอดคล้องกรอบเงินเฟ้อใหม่

2. ครม.อนุมัติ บสย. ผ่อนคลายค้ำประกันสินเชื่อ

3. ภาคการผลิตของสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวดีขึ้นจากผลนโยบายแลกรถยนต์เพื่อซื้อรถยนต์ใหม่

Highlight
1. รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแนะ กนง. ทบทวนดอกเบี้ยนโยบายสอดคล้องกรอบเงินเฟ้อใหม่
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการปรับกรอบอัตราเงินเฟ้อพี้นฐานเป็นร้อยละ 0.5 ถึง 3.0 แล้ว คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ควรจะทบทวนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายเงินเฟ้อใหม่ดังกล่าว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวในที่ประชุม ครม. ว่า หากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่าร้อยละ 0.5 กนง. จะต้องมีคำอธิบายว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น และจะมีมาตรการอะไรที่จะกระตุ้นให้เงินเฟ้อ กลับมาอยู่ในกรอบที่ ครม. กำหนด
  • สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ณ เดือนสิงหาคม 2552 อยู่ที่ร้อยละ -0.2 เนื่องจากมีฐานราคาสินค้าและบริการของปีก่อนอยู่ในระดับสูง และส่วนหนึ่งจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำจึงสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของภาคอุปสงค์ภายในประเทศ ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2552 สศค. ได้ประมาณการว่าในปี 2552 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะปรับตัวลงจากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.0 ถึง 1.0) จากสมมติฐานอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 1.25 (ช่วงร้อยละ 1.00-1.25)
2. ครม. อนุมัติ บสย. ผ่อนคลายค้ำประกันสินเชื่อ
  • คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบการปรับปรุงและเพิ่มเติมรายละเอียดของโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการปล่อยสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินและช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการ SMEs ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ โดย (1) ยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันปีแรกเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยบังคับใช้กับทุกรายที่ บสย. อนุมัติค้ำประกันตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 และ (2) ขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อจากเดิมไม่เกินรายละ 20 ล้านบาทเป็นไม่เกิน 40 ล้านบาท ต่อรายต่อสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ยังคงวงเงินชดเชยภาระค้ำประกันไม่เกิน 2,000 ล้านบาท และให้ บสย. เบิกจ่ายตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การที่รัฐบาลดำเนินมาตรการกระตุ้นให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและชะลอการเลิกจ้างงานในภาคเอกชน ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์ชะลอการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจรายย่อย ทั้งนี้ สศค. วิเคราะห์ว่า การดำเนินการของ บสย. จะช่วยเร่งการอนุมัติสินเชื่อให้บรรลุเป้าหมายการอนุมัติสินเชื่อใหม่ ตามโครงการสินเชื่อ Fast Track ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เพิ่มขึ้นจำนวน 301,500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ GDP สามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ถึง 0.9
3. ภาคการผลิตของสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวดีขึ้นจากผลนโยบายแลกรถยนต์เพื่อซื้อรถยนต์ใหม่
  • ภาคการผลิตและอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นจากผลของนโยบายโครงการแลกรถยนต์เก่าที่กินน้ำมันมากเพื่อซื้อรถยนต์ใหม่ ที่มีมูลค่ารวมถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยดัชนีผลผลิต ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ในเดือน ส.ค. ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 52.9 จุดจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 48.7 จุดและสูงกว่าที่คาดไว้ที่ 50.5 จุด ในขณะเดียวกัน ตัวเลขยอดขายรถยนต์ของสหรัฐทั้งปีประจำเดือน ส.ค. เท่ากับ 8.3 ล้านคันในเดือน ส.ค. ปรับตัวดีขึ้นจากยอดขายเดือน ก.ค. ที่อยู่ที่ 6.2 ล้านคัน โดยเป็นผลจากมาตรการดังกล่าวได้ส่งผลให้อุตสาหกรรมผลิตต้นน้ำและปลายน้ำให้ปรับตัวดีขึ้นด้วย
  • สศค. วิเคราะห์ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการแลกรถยนต์เก่าดังกล่าวได้ส่งผลต่อยอดการผลิตรถยนต์และยอดขายรถยนต์ของสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี ยอดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเป็นเพียงระยะชั่วคราว ซึ่งในเดือน ก.ย.และ ต.ค. อาจปรับตัวลดลงมากหลังจากมาตรการสนับสนุนดังกล่าวหมดลง ประกอบกับปัจจัยในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกจากการฟื้นตัวของจีนในช่วงที่ผ่านมาอาจมีแนวโน้มชะลอลงในระยะต่อไปเช่นกัน ดังนั้น ในช่วงต่อไป รัฐบาลสหรัฐฯ มีความจำเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 787 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยชักจูงให้ภาคเอกชนมีบทบาทเข้ามาร่วมลงทุน (Crowding-in effect) และสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐต่อไป

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ