รายได้รัฐบาลประจำเดือนสิงหาคม 2552 และในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 15, 2009 08:55 —กระทรวงการคลัง

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลประจำเดือนสิงหาคม 2552 รัฐบาลจัดเก็บรายได้ 199,397 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 11.4 ซึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ส่งผลให้รายได้รัฐบาลในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม 2551 — สิงหาคม 2552) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,322,974 ล้านบาท ซึ่งยังคงต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 6.8 โดยมีสาเหตุหลักจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม อากรขาเข้า และภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ที่หดตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมากในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี การดำเนินมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาล ได้ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น กระทรวงการคลังจึงคาดว่าการจัดเก็บรายได้สุทธิของรัฐบาลตลอดทั้งปีงบประมาณ 2552 จะต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ (1,604,640 ล้านบาท) ประมาณ 206,000 ล้านบาท ดีขึ้นกว่าเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะจัดเก็บได้ต่ำ กว่าประมาณ 280,000 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. เดือนสิงหาคม 2552 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 199,397 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกัน ปีที่แล้ว 20,423 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.4 เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วจำนวน 27,046 และ 10,270 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.8 และ 525.3 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ภาษีมูลค่าเพิ่ม รายได้ส่วนราชการอื่น และอากรขาเข้า จัดเก็บได้ต่ำกว่าเดือนเดียวกัน ปีที่แล้ว 7,001 3,865 และ 1,733 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.1 27.8 และ 21.5 ตามลำดับ

สาเหตุที่การจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว เนื่องจากปีที่แล้ววันสุดท้าย (31 สิงหาคม 2551) ของการยื่นชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลจากกำไรสุทธิรอบครึ่งปี (ภ.ง.ด.51) ตรงกับวันหยุดราชการ จึงมีการเลื่อนเวลาการชำระภาษีออกไปอีก 1 วัน ทำให้ภาษีส่วนหนึ่งเหลื่อมไปอยู่ในเดือนกันยายน 2551 แต่ในปีนี้วันสิ้นเดือนสิงหาคม 2552 ตรงกับวันทำการ จึงไม่มีการเหลื่อมไปชำระภาษีในเดือนกันยายน สำหรับการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วถึงร้อยละ 525.3 เนื่องจากในปีที่แล้ว มีการลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลและแก๊สโซฮอล์ ตาม 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน นอกจากนั้น ในปีนี้ได้มีการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 2 ครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2552

2. ในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม 2551 — สิงหาคม 2552) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,322,974 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 95,860 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.8 เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรและกรมศุลกากรที่ลดลง โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม อากรขาเข้า ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และภาษีเงินได้นิติบุคคล นอกจากนี้ การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจก็ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วเช่นกัน

ผลการจัดเก็บรายได้ตามหน่วยงานจัดเก็บสรุปได้ ดังนี้

2.1 กรมสรรพากร จัดเก็บได้รวม 1,069,933 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 67,187 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.9 ภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่สำคัญ ได้แก่

  • ภาษีมูลค่าเพิ่มจัดเก็บได้ต่ำกว่าปีที่แล้ว 67,502 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.7เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งที่เก็บจากการนำเข้าและการบริโภคในประเทศต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 27.4 และ 3.4 ตามลำดับ อันเนื่องมาจากการหดตัวลงของสภาวะเศรษฐกิจ
  • ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 8,561 ล้านบาทหรือร้อยละ 2.2 เป็นผลจากผลประกอบการโดยรวมของธุรกิจที่ลดลง อันเนื่องจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา
  • ภาษีธุรกิจเฉพาะจัดเก็บได้ต่ำกว่าปีที่แล้ว 6,887 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.0 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2551

อย่างไรก็ดี ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมจัดเก็บได้สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 22,635ล้านบาท หรือร้อยละ 33.3 เนื่องจากผลประกอบการของธุรกิจที่เกี่ยวกับการขุดเจาะปิโตรเลียมในปี 2551 อยู่ในระดับที่ดี จากราคาน้ำมันดิบที่สูงในช่วงปี 2551

2.2 กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้รวม 262,669 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 2,616 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.0 สาเหตุสำคัญมาจากการจัดเก็บภาษีน้ำมันสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว จำนวน 14,736 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.6 เนื่องจากการปรับเพิ่มอัตราภาษีในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี การจัดเก็บภาษีรถยนต์ ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 8,880 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.5 ซึ่งเป็นผลจากประชาชนชะลอการซื้อสินค้าคงทนและสถาบันการเงินระมัดระวังในการให้สินเชื่อมากขึ้น นอกจากนี้ การจัดเก็บภาษีเบียร์ ก็ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4,595 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.3

2.3 กรมศุลกากร จัดเก็บได้รวม 72,480 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 18,271 ล้านบาท หรือร้อยละ 20.1 เนื่องจากจัดเก็บอากรขาเข้าได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 18,837 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.3 ซึ่งเป็นผลจากการหดตัวของมูลค่าการนำเข้าสินค้า โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม 2551 — กรกฎาคม 2552) มูลค่าการนำเข้าในรูปเงินดอลลาร์ สรอ. และเงินบาทต่ำกว่าช่วงเดียวกัน ปีที่แล้วร้อยละ 24.0 และ 19.8 ตามลำดับ

2.4 รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้ 76,590 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 15,017 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.4 โดยมีรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โรงงานยาสูบ ธนาคารออมสิน และ บมจ.กสท โทรคมนาคม ตามลำดับ

2.5 หน่วยงานอื่น นำส่งรายได้รวม 81,059 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3,159 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.1 เนื่องจากการจัดเก็บรายได้จากค่าปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไรและผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษจากสัมปทานปิโตรเลียมสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว

2.6 การคืนภาษีของกรมสรรพากร 188,065 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ร้อยละ 1.4 ประกอบด้วยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 149,222 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 8,696 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.5 และการคืนภาษีอื่นจำนวน 38,843 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 11,312 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.1 เนื่องจากการคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ค่อนข้างสูง

สำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

โทร 02 273 9020 ต่อ 3500 , 3545

--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 124/2552 14 กันยายน 52--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ