Macro Morning Focus ประจำวันที่ 16 ก.ย. 2552
Summary:
1. TDRI เชื่อการว่างงานของไทยพ้นจุดต่ำสุดแล้ว
2. ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยเคล็ดลับฝ่าพายุเศรษฐกิจยึดหลักแม่น-พริ้ว-ตาไว
3. วิกฤติเศรษฐกิจกระทบธุรกิจโรงแรมทั่วโลก ราคาตก 17
Highlight:
1. TDRI เชื่อการว่างงานของไทยพ้นจุดต่ำสุดแล้ว
- ประธานสถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวถึงสถานการณ์การว่างงานของประเทศไทยในปัจจุบันถือว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงต้นปีที่ร้อยละ 2.4 อย่างไรก็ตามภาครัฐยังต้องดูแลปัญหาการว่างงานที่มีผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยต่อไป โดยคาดว่า โครงการซ่อมแซมถนนและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก ในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งจะส่งผลดีต่อการสร้างงาน
- สศค. วิเคราะห์ว่า การว่างงานของไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงต้นปี โดยจากข้อมูลล่าสุดเดือนในเดือน ก.ค. 52 พบว่า อัตราว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.2 ของกำลังแรงงานรวม ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ร้อยละ 1.4 ของกำลังแรงงานรวม และคาดว่าสถานการณ์การว่างงานของไทยจะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทยเริ่มมีปัจจัยบวกมากขึ้น ตามผลจากนโยบายภาครัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 (SP2) ที่จะเบิกจ่ายได้จริงในช่วงปลายปี ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ปรับตัวดีขึ้น จะส่งผลดีต่อการจ้างงานในภาคการผลิตเพื่อส่งออกต่อไป
2. ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยเคล็ดลับฝ่าพายุเศรษฐกิจยึดหลักแม่น-พริ้ว-ตาไว
- นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมนาวิชาการประจำปี 2552 ของ ธปท. ว่า หลังจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวครั้งร้ายแรงในรอบ 10 ปี ได้ผ่านพ้นไปแล้ว การดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการเงิน จำเป็นต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งไม่มีในตำราเรียน โดยยึดหลักการ คือ 1) รอบคอบในการคำนึงถึงเป้าหมายหลายด้าน ได้แก่ เสถียรภาพด้านราคา เสถียรภาพของสถาบันการเงิน และเสถียรภาพของธุรกิจ 2) คล่องตัวในการใช้กลไกที่มีอยู่ตามกฏหมายเข้าไปแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที และ 3) มองไปข้างหน้าเพื่อพิจารณานโยบายที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจในอนาคต
- สศค. วิเคราะห์ว่า การดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจควรแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยปัญหาในระยะสั้น คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวตามปกติ ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐได้ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางนโยบายการคลังแบบขยายตัว และนโยบายขยายสินเชื่อให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ ขณะที่ในระยะยาวภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องเร่งพัฒนาองค์ความรู้ และพัฒนาระบบการกำกับดูแล เพื่อลดโอกาสการเกิดวิกฤติขึ้นอีกในอนาคต
3. วิกฤติเศรษฐกิจกระทบธุรกิจโรงแรมทั่วโลก ราคาตก 17%
- ข้อมูลล่าสุดของ Hotels.com เปิดเผยว่าราคาเฉลี่ยของโรงแรมทั่วโลกลดลงร้อยละ 17 ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยราคาโรงแรมลดลงกว่า 1 ใน 6 ในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน และอัตราค่าห้องพักโรงแรมมีราคาสูงกว่าเมื่อเดือนมกราคมปี 2547 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการทำดัชนีราคาโรงแรมเพียงร้อยละ1 เท่านั้น ทั้งนี้ ราคาห้องพักลดลงในทุกภูมิภาค โดยราคาห้องพักโรงแรมในลาตินอเมริการลดลงมากที่สุดถึงร้อยละ 18 ต่อปีในช่วงครึ่งแรกของปี ส่วนราคาห้องพักในเอเชียลดลงร้อยละ 17 ต่อปีในช่วงครึ่งปีแรก
- สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราค่าห้องพักที่ลดลงทั่วโลกถึงร้อยละ 17 มีสาเหตุหลักมาจากการที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกรวมทั้งของไทย กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความต้องการห้องพักที่ลดลง ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวต้องลดราคาห้องพักลงเพื่อดึงดูดลูดค้า สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยพบว่า ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ ประกอบกับเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวหดตัวตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 51 จนกระทั่งล่าสุดเดือน ก.ค. 52 จำนวนนักท่องเที่ยวยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -12.5 ต่อปี
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th