กระทรวงการคลังเตรียมจ่ายงบไทยเข้มแข็ง 14,500 ล้านบาท ในเดือน ก.ย.52 นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 22, 2009 08:29 —กระทรวงการคลัง

กระทรวงการคลังเตรียมกดปุ่มอนุมัติงบไทยเข้มแข็งให้สถาบันการเงิน 14,500 ล้านบาท รอบแรก 21 ก.ย. 2552 นี้ 10,000 ล้านบาท และอีก 4,500 ล้านบาท 28 ก.ย. 2552

นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้เงินงบประมาณตามมาตรการไทยเข้มแข็งรอบแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จะเริ่มเบิกจ่ายเข้าระบบได้ในสัปดาห์นี้ สำหรับสถาบันการเงินของรัฐ 5 แห่ง รวมจำนวน 14,500 ล้านบาท (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 2,000ล้านบาท ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 3,000 ล้านบาท ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 5,000 ล้านบาท บรรษัทอุตสาหกรรมขนาดย่อม 2,000 ล้านบาท ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย 2,500 ล้านบาท)โดยเบิกจ่ายรอบแรกในวันที่ 21 กันยายน 2552 สำหรับสถาบันการเงิน 3 แห่ง จำนวน 10,000 ล้านบาท และวันที่ 28 กันยายน 2552 อีก 4,500 ล้านบาท ซึ่งหน่วยงานที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจจะทำการ ขอเบิกเงินทางระบบ GFMIS ที่กรมบัญชีกลาง สำหรับงบไทยเข้มแข็งในปี 2553 ได้รับรายงานเบื้องต้นว่ามีการอนุมัติโครงการของกรมทางหลวง และเมื่อได้รับจัดสรรเงินงบประมาณก็พร้อมเบิกจ่ายได้เป็นกลุ่มแรก สำหรับโครงการอื่น ๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 วงเงิน 1.43 ล้านล้านบาท รัฐบาลจะทยอยอนุมัติโครงการลงทุนต่างๆและคาดการณ์ได้ว่างบก้อนแรก 2 แสนล้านบาท นั้น ส่วนใหญ่จะเป็น 4 กระทรวงหลักคิดเป็น 75% ของวงเงิน คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเจ้าของโครงการสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการต่อได้ทันที โดยมีเป้าหมายการเบิกจ่ายร้อยละ 90

นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับขั้นตอนวิธีการใช้จ่ายเงินนั้น หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้งบประมาณ ต้องเปิดบัญชีเงินฝากคลังเฉพาะสำหรับงบไทยเข้มแข็งไว้กับธนาคารรัฐวิสาหกิจ และเบิกจ่ายเหมือนงบประมาณปกติผ่านระบบ GFMIS เพื่อสามารถติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินได้ และเมื่อ ครม.อนุมัติโครงการ/แผนงานและได้รับจัดสรรงบประมาณ ก็สามารถดำเนินงานตามแผนงานต่อไป ในขั้นตอนการดำเนินงานก็ได้มีการผ่อนคลายในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้าง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ เรื่องระยะเวลาการดำเนินการ Auction ไว้แล้ว โดยสามารถลดขั้นตอนและระยะเวลาจากเดิม 85 วัน เหลือเพียง 28 วันเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้เม็ดเงินเข้าไปหมุนระบบเศรษฐกิจได้ เร็วขึ้น เกิดการจ้างงานทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มเติม และจะมีกระบวนการติดตามการใช้จ่ายเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การใช้งบประมาณดังกล่าวให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด เนื่องจากเป็นการใช้จ่ายจากเงินกู้”

สำนักกฎหมาย กรมบัญชีกลาง

โทร. (02) 273-9024 ต่อ 4435

--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 129/2552 21 กันยายน 52--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ