รายงานประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2552 และ 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 29, 2009 08:34 —กระทรวงการคลัง

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทย ณ เดือนกันยายน 2552 ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2552 คาดว่าจะหดตัวร้อยละ -3.0 ต่อปี โดยแม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะหดตัวมากจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีแรก แต่ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลังและกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ในไตรมาสสุดท้ายเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัย สนับสนุนสำคัญจากการใช้จ่ายของภาครัฐโดยเฉพาะรายจ่ายเพื่อการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง และการปรับตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจคู่ค้า โดยเฉพาะประเทศในเอเชีย อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากการใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุนที่ยังฟื้นตัวช้า สำหรับด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ คาดว่า อัตราเงินเฟ้อในปี 2552 จะหดตัวมาอยู่ที่ร้อยละ -0.8 ต่อปี ตามราคาน้ำมันที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ขณะที่อัตราการว่างงานมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 1.8 ของกำลังแรงงาน เนื่องจากการจ้างงาน ที่กลับมาเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2552 คาดว่าจะเกินดุลมากที่ร้อยละ 8.0 ของ GDP เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าที่ลดลงเร็วกว่าการส่งออกมาก

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2553 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ที่ร้อยละ 3.3 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.5 — 4.1 ต่อปี) โดยมีแรงส่งเชิงนโยบายต่อเนื่องจากปลายปี 2552 จากการใช้จ่ายของภาครัฐผ่านแผน ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง และการใช้จ่ายภาคเอกชนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากฐานที่ต่ำในปี 2552 ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการในปี 2553 คาดว่าจะกลับมาขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2553 จะอยู่ที่ ร้อยละ 2.5 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.0 - 3.0 ต่อปี) ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2552 ส่วนเสถียรภาพภายนอก ประเทศ คาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2553 จะเกินดุลลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4.0 ต่อปี ของ GDP (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.7 — 4.6 ของ GDP) เนื่องจากการใช้จ่ายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้มูลค่าการนำเข้ามีทิศทางเร่งตัวขึ้นมากกว่ามูลค่าการส่งออก โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้

1. เศรษฐกิจไทยในปี 2552

1.1 ด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจไทยในปี 2552 คาดว่าจะหดตัวที่ร้อยละ -3.0 ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกที่หดตัวมากจากวิกฤติ เศรษฐกิจโลก ได้ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการหดตัวลงมาก โดยแม้ว่าแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลดีต่อการ ส่งออกสินค้าและบริการในครึ่งปีหลัง แต่ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการของทั้งปี 2552 คาดว่าจะยังหดตัวที่เฉลี่ยร้อยละ -14.8 ต่อปี สำหรับปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการคาดว่าจะหดตัวลงมากที่ร้อยละ -22.2 ต่อปี ซึ่งเป็นผลจากการนำเข้าเพื่อส่งออกสินค้าที่ลดลงและ การหดตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนที่คาดว่าจะหดตัวที่ร้อยละ -13.7 ต่อปี ตามการตัดสินใจที่จะชะลอ การลงทุนของภาคเอกชน ในช่วงที่ยอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศและในประเทศลดลง ส่วนการบริโภคภาคเอกชนแม้ว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ในครึ่งปีหลังอันเป็นผลมาจากรายได้เอกชนที่ดีขึ้นตามการจ้างงานที่กลับมาเพิ่มขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 1 ของรัฐบาลที่ช่วยเพิ่ม รายได้และลดรายจ่ายให้แก่ภาคครัวเรือน แต่การใช้จ่ายภาคเอกชนที่หดตัวมากในครึ่งปีแรกจะส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนเฉลี่ยในปี 2552 ยังคงหดตัวที่ร้อยละ -1.0 ต่อปี บทบาทสำคัญในการชะลอการหดตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่การใช้จ่ายภาคเอกชนยังฟื้นตัวไม่เต็มที่จะขึ้นอยู่กับการเร่งรัดการใช้จ่ายของภาครัฐ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะการเร่งดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งที่จะต้องเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องใน ช่วงที่เหลือของปี ทั้งนี้ สศค. คาดว่าการบริโภคภาครัฐในปี 2552 จะเร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 6.4 ต่อปี ขณะที่การลงทุนภาครัฐในปี 2552 จะเร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 5.3 ต่อปี

1.2 ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ

เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ในด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2552 คาดว่าจะหดตัวจากปีก่อนที่ร้อยละ -0.8 ต่อปี เนื่อง จากราคาน้ำมันที่คาดว่าจะปรับลดลงมากจากปี 2551 และค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาน้ำมันและ ราคาอาหารสด จะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 0.4 ต่อปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาล ส่วนอัตราการว่างงาน มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 1.8 ของกำลังแรงงาน เนื่องจากการจ้างงานที่กลับมาเพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ในด้านเสถียรภาพภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2552 จะเกินดุลสูงมากถึงร้อยละ 8.0 ของ GDP เนื่องจากการเกินดุลการค้าที่ สูงถึง 20.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อันเป็นผลจากมูลค่าสินค้านำเข้าที่หดตัวลงมากกว่ามูลค่าสินค้าส่งออก โดยคาดว่ามูลค่าสินค้านำเข้าในปี 2552 จะหดตัวมากจากฐานสูงในปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ -28.8 ต่อปี ขณะที่มูลค่าส่งออกในปี 2552 คาดว่าจะหดตัวที่ร้อยละ -17.2 ต่อปี

2. เศรษฐกิจไทยในปี 2553

2.1 ด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจไทยในปี 2553 คาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ที่ร้อยละ 3.3 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.5 — 4.1 ต่อปี) โดย ได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐภายใต้กรอบงบประมาณขาดดุลอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.5 ของ GDP และรายจ่ายลงทุนของภาครัฐ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ทำให้คาดว่าการลงทุนภาครัฐจะเร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 8.2 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5.2 — 11.3 ต่อปี) ขณะที่การบริโภคภาครัฐในปี 2553 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.8 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.0 — 5.7 ต่อปี) นอกจากนั้น เศรษฐกิจไทย ในปีหน้าคาดว่าจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากฐานที่ต่ำมากในปี 2552 โดยการบริโภคภาคเอกชน คาดว่าจะกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 4.2 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.7 — 4.7 ต่อปี) เนื่องจากคาดว่ารายได้ของภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ประกอบกับจำนวนการจ้างงานและจำนวนชั่วโมงการทำงานน่าจะกลับเข้าสู่ระดับปกติ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนในปี 2553 คาดว่ากลับมาขยายตัวจากฐานที่ต่ำเช่นกัน มาขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 6.6 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.7 — 9.0 ต่อปี) โดยการใช้จ่าย ในโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งคาดว่าจะช่วยดึงให้การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย (Crowding-in Effect) และ อัตราดอกเบี้ยที่คาดว่ายังอยู่ในระดับต่ำจะเอื้อให้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวดีขึ้น สำหรับการส่งออกสินค้าและบริการในปี 2553 คาดว่าจะกลับ มาขยายตัวที่ร้อยละ 5.6 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.8 — 6.7 ต่อปี) ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักและฐานที่ต่ำในปีก่อน ส่วนปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการคาดว่าจะกลับมาเร่งตัวขึ้นที่ร้อยละ 12.4 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 10.6 — 14.2 ต่อปี) ซึ่งเป็น ผลจากทั้งการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภายในประเทศและการส่งออกสินค้าที่เพิ่มขึ้น

2.2 ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ

เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ในด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2553 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.5 ต่อปี (ช่วงคาด การณ์ที่ร้อยละ 2.0 — 3.0 ต่อปี) จากราคาน้ำมันและราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่คาดว่าจะสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วน อัตราการว่างงานคาดว่าจะลดลงมาอยู่ในระดับปกติที่ร้อยละ 1.3 ของกำลังแรงงาน (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.0 — 1.5 ของกำลังแรงงาน) ในด้านเสถียรภาพภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 4.0 ของ GDP (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.7 — 4.6 ของ GDP) เนื่องจากดุลการค้าที่คาดว่าจะเกินดุลลงลงมาอยู่ที่ 9.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ช่วงคาดการณ์ที่ 8.7 — 11.1 พันล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ) เนื่องจากมูลค่าสินค้านำเข้าขยายตัวในอัตราเร่งกว่ามูลค่าสินค้าส่งออก โดยคาดว่ามูลค่าสินค้าส่งออกในปี 2553 จะขยายตัวที่ร้อยละ 10.0 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 9.0 — 11.4 ต่อปี) ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่มูลค่าสินค้านำเข้าคาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ ร้อยละ 19.5 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 17.0 — 21.9 ต่อปี) ตามการเร่งตัวขึ้นของการใช้จ่ายภายในประเทศและการสั่งซื้อสินค้าจาก ต่างประเทศที่นำมาผลิตเพื่อส่งออก

สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3255

ตารางสรุปสมมติฐานและผลการประมาณการเศรษฐกิจปี 2552 และ 2553 (ณ เดือนกันยายน)

                                                                 2551    2552 f    2553 f
                                                                                    เฉลี่ย          ช่วง

สมมติฐานหลัก สมมติฐานภายนอก

1) อัตราการขยายตัวเฉลี่ย 14 ประเทศคู่ค้าหลัก (ร้อยละต่อปี)                  2.7      -1.5       2.8       1.8 — 3.8
2) ราคาน้ำมันดิบดูไบ (ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล)                           95      61.2       80       75.0 — 85.0
สมมติฐานด้านนโยบาย
3) อัตราแลกเปลี่ยน (บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ)                               33.2     34.5       34       33.5 — 34.5
4) อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ณ สิ้นปี (ร้อยละต่อปี)                       2.75     1.25       1.5      1.25 — 1.75
5) รายจ่ายภาคสาธารณะตามปีงบประมาณ (ล้านล้านบาท)                      2.17     2.41      2.47       2.40-2.53

ผลการประมาณการ

1)  อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (ร้อยละต่อปี)                           2.6       -3        3.3       2.5 — 4.1
2) อัตราการขยายตัวของการบริโภครวม (ร้อยละต่อปี)                        2.2      -0.2       4.3       3.7 — 4.9
    - การบริโภคภาคเอกชน ( ณ ราคาคงที่) (ร้อยละต่อปี)                   2.5      -1.3       4.2       3.7 — 4.7
    - การบริโภคภาครัฐ (ณ ราคาคงที่) (ร้อยละต่อปี)                       0.4      6.4        4.8       4.0 — 5.7
3) อัตราการขยายตัวของการลงทุนรวม (ร้อยละต่อปี)                         1.1      -9.1        7        3.4 — 9.6
    - การลงทุนภาคเอกชน ( ณ ราคาคงที่) (ร้อยละต่อปี)                    3.2     -13.7       6.6       2.7 — 9.0
    - การลงทุนภาครัฐ (ณ ราคาคงที่) (ร้อยละต่อปี)                        -4.8     5.3        8.2      5.2 — 11.3
4) อัตราการขยายตัวปริมาณส่งออกสินค้าและบริการ (ร้อยละต่อปี)                5.4     -14.8       5.6       4.8 — 6.7
5) อัตราการขยายตัวปริมาณนำเข้าสินค้าและบริการ (ร้อยละต่อปี)                7.5     -22.2      12.4      10.6 — 14.2
6) ดุลการค้า (พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)                                    0.2      20.5       9.7      8.7 — 11.1
     - สินค้าส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ (ร้อยละต่อปี)                       16.8    -17.2       10       9.0 — 11.4
     - สินค้านำเข้าในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ (ร้อยละต่อปี)                       26.4    -28.8      19.5      17.0 — 21.9
7) ดุลบัญชีเดินสะพัด (พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)                               -0.2     22.7      11.5      10.5 — 13.0
     - ร้อยละของ GDP                                              -0.1     8.7         4        3.7 — 4.6
 8) อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (ร้อยละต่อปี)                                    5.5      -0.8       2.5       2.0 — 3.0
     อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ร้อยละต่อปี)                                  2.3      0.4        1.5       1.0 — 2.0
9) อัตราการว่างงาน (ร้อยละของกำลังแรงงานรวม)                         1.4      1.8        1.3       1.0 — 1.5

หมายเหตุ: ประมาณการเศรษฐกิจปี 2552 และ 2553 ณ เดือนกันยายน 2552 โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)

--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 133/2552 28 กันยายน 52--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ