รัฐบาลญี่ปุ่นใหม่ประกาศเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 25 ภายในปี 2563

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 30, 2009 11:35 —กระทรวงการคลัง

1. ความเป็นมา

1.1 รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของพรรค LDP ที่ผ่านมา ได้มีนโยบายที่จะใช้เทคโนโลยี่ที่ก้าวหน้าเพื่อประหยัดพลังงานและรักษาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจภายใต้ Low-Carbon Society ภายใต้พิธีสารเกียวโต ญี่ปุ่นมีเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 8 ภายในปี 2563 เทียบกับปีฐานในปี 2533 ให้ภาคเอกชนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยความสมัครใจ (ต่างจากในประชาคมยุโรปที่ระบบการบังคับ Cap and Trade เพื่อให้เอกชนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก)

การลดก๊าซเรือนกระจกเป็นภาระต้นทุนค่อนข้างสูงของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม โดยสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Nippon Keidanren) ซึ่งค่อนข้างมีอิทธิพลมากในการกำหนดนโยบายการเศรษฐกิจของ LDP ได้แสดงความไม่เห็นด้วยมาโดยตลอด โดยเสนอให้ใช้วิธีการพัฒนาเทคโนโลยี่ระดับสูงที่มีประสิทธิภาพเพื่อประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแทน โดยเฉพาะในสาขาอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากได้แก่ อุตสาหกรรมเหล็กและพลังงาน เป็นต้น

1.2 ที่ผ่านมาการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของญี่ปุ่นยังต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดในพิธีสารเกียวโตอยู่มาก ทางการญี่ปุ่นได้มีนโยบายซื้อคาร์บอนเครดิตจากประเทศกำลังพัฒนาแทน โดยการจัดตั้ง Japan Greenhouse Gas Reduction Fund (JGRF) ขึ้น เพื่อสนับสนุนโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและซื้อขายคาร์บอนเครดิตในรูปแบบ CERs (จากโครงการ CDM) และ ERUs (จากโครงการ JI) และให้ JBIC ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่เอกชน รวมทั้งให้เงินช่วยเหลือ ODA ผ่าน JICA ให้แก่เจ้าของโครงการ CDM และโครงการ JI ในประเทศกำลังพัฒนา ภายใต้ข้อตกลงว่าจะต้องขายคาร์บอนเครดิตคืนให้แก่ญี่ปุ่น แต่กระนั้นก็ตาม การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของญี่ปุ่นก็ยังห่างกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้

1.3 ในขณะเดียวกัน ในสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลนายโอบามา ได้มีการเสนอร่างกฎหมายที่มีแนวโน้มจะนำระบบ Cap and Trade มาใช้ (ปัจจุบันบางมลรัฐฯ มีการนำระบบ Cap and Trade มาใช้แล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะไม่มีการบังคับจากรัฐบาลกลาง) ซึ่งเมื่อสหรัฐฯ จริงจัง การลดก๊าซเรือนกระจกจึงกลายเป็นประเด็นสำคัญของโลกในปัจจุบัน

1.4 ด้วยเหตุที่ พิธีสารเกียวโตจะหมดอายุลงในปี 2555 (2012) Conference of the Parties to the United Nations Framework Convention on Climate Change (COP15) กำลังจะมีขึ้นในเดือนธันวาคม 2552 ศกนี้ ณ กรุง Copenhagen ประเทศเดนมาร์ก เพื่อพิจารณาจัดทำกรอบความตกลงของโลกใหม่ที่จะใช้ ภายหลังพิธีสารเกียวโตหมดอายุ โดยก่อนหน้านั้นจะมีการประชุม UN High-level Meeting on Climate Change ในวันที่ 22 กันยายน 2552 ณ นครนิวยอร์ก

2. นโยบายการลดก็ซเรือนกระจกของรัฐบาลใหม่

2.1 เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2552 นาย Yukio Hatoyama หัวหน้าพรรค DPJ ได้แถลงเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของญี่ปุ่นว่า ภายในปี 2563 ญี่ปุ่นจะลดเป็นจำนวนถึงร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2533 โดยเป็นไปตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ในการหาเสียงในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ นาย Hatoyama มีแผนจะประกาศเรื่องนี้ ในที่ประชุม U.N. Climate Change Conference ที่กล่าวข้างต้น

2.2 นอกจากนี้ นาย Hatoyama ยังเรียกร้องให้ประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ๆ (สหรัฐฯจีน อินเดีย และบราซิล) จริงจังกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยตั้งเป้าหมายการลดให้สูงขึ้น รวมทั้งมีนโยบายที่จะสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกทั้งด้านเงินทุนและด้านเทคโนโลยี่

2.3 ปัจจุบันประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจหลายแห่งในโลกได้กำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของตนเองภายในปี 2563 เช่น สหรัฐฯ มีเป้าหมายจะลดร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปี 2548 EU มีเป้าหมายจะลดร้อยละ 20 -30 เมื่อเทียบกับปี 2533 แคนาดามีเป้าหมายจะลดร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2549 ออสเตรเลียมีเป้าหมายจะลดร้อยละ 5 — 25 เมื่อเทียบกับปี 2543 และรัสเซียมีเป้าหมายจะลดร้อยละ 10 — 15 เมื่อเทียบกับปี 2533 เป็นต้น

2.4 เดิมรัฐบาลของนาย Taro Aso ได้ตั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในปี 2563 ไว้เพียงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับปี 2533 ปีฐาน แต่เป็นแค่จำนวนการลดก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศเท่านั้น ในขณะที่เป้าหมายของพรรค DJP ที่เท่ากับร้อยละ 25 นั้น รวมไปถึงการให้การสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก และการเพิ่มพื้นที่ปลูกป่าภายในประเทศด้วย ทั้งนี้

2.5 รัฐบาลของพรรค LDP ได้มีการคำนวนว่า หากจะลดก๊าซเรือนกระจกจำนวนร้อยละ 8 ภายในปี 2563 นั้นจะทำให้เกิดภาระต่อครัวเรือนประมาณ 77,000 เยน และหากจะลดเป็นจำนวนร้อยละ 25 ดังที่ DPJ ได้กล่าวไว้นั้นจะทำให้เกิดภาระต่อครัวเรือนประมาณ 360,000 เยน นอกจากนั้น จะต้องมีการควบคุมปริมาณการผลิตของภาคอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นจำนวนมาก เช่นลดจำนวนการผลิตเหล็กกล้า 1 ตันลงประมาณร้อยละ 2 ต่อปี ซึ่งจะส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก

2.6 บรรดาผู้นำบริษัทอุตสาหกรรมต่างๆ แสดงความไม่เห็นด้วยกับเป้าหมายที่สูงเกินไปของ DPJ อย่างมาก เช่น นาย Fumiaki Watari, Chairman บริษัท Nippon Oil Corp.ได้แสดงความตกใจต่อการกำหนดเป้าหมายที่สูงเช่นนี้ นอกจากนี้ นาย Akio Mimura, Chairman บริษัท Nippon Steel Corp. ได้แสดงความเห็นว่า ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ควรจะต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ตั้งเป้าหมายที่จะบีบภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น นอกจากนั้น สมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Nippon Keidanren) เดิมก็คัดค้านนโยบายการลดก๊าซเรือนกระจกมาตลอด การตั้งเป้าหมายที่สูงมากก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่กลุ่มผู้บริหารของ Keidanren ซึ่งปกติมีอิทธิพลต่อกับนโยบายเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างมาก

สรุป

การตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 25 ไม่น่าง่ายนักที่จะบรรลุเป้าหมาย จะต้องมีการดำเนินเป็นนโยบายระดับชาติ เช่น จัดตั้งตลาด Carbon Exchange เพื่อซื้อขายคาร์บอนเครดิตเหมือนในสหภาพยุโรป ประกาศใช้ Environment Tax เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา รัฐบาลภายใต้พรรค LDP ได้หลีกเลี่ยงมาตลอด ซึ่งต้องจับตาดูต่อไปว่ารัฐบาลใหม่ญี่ปุ่นจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร

สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจการคลัง ประจำกรุงโตเกียว

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


แท็ก ญี่ปุ่น  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ