Macro Morning Focus ประจำวันที่ 5 ต.ค. 2552
Summary:
1. ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ผู้รับเหมาไทยเข้มแข็ง
2. สภาหอการค้าแนะธปท.ดูแลค่าเงินบาท
3. เอกชน-ธปท. กังวลระงับโครงการมาบตาพุดกระทบลงทุน-จ้างงาน
Highlight:
1. ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ผู้รับเหมาไทยเข้มแข็ง
- ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธ.กรุงเทพ เผยว่า ธนาคารได้เริ่มปล่อยกู้ให้แก่ผู้รับเหมาในโครงการไทยเข้มแข็งมาระยะหนึ่งแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการในต่างจังหวัด ทำให้มีเงินก้อนใหญ่หมุนออกไปต่างจังหวัดมากขึ้น เช่น โครงการมูลค่า 100 ล้านบาท ธนาคารให้กู้เงินงวดละ 15 ล้านบาท ครบงวดก็นำเงินมาคืนแล้วเบิกใช้ใหม่ จึงเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมารายเล็ก รายกลาง รายใหญ่ น่าจะได้รับงานอย่างครบถ้วน
- สศค. วิเคราะห์ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในระยะที่ 1 (SP1) มีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวดีขึ้น เห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก (ปรับฤดูกาลแล้ว) ที่ร้อยละ 2.3 ต่อปี ทั้งนี้ สศค. คาดว่า ในระยะต่อไป แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งที่ได้เริ่มดำเนินการแล้วนั้นจะมีส่วนช่วยให้เกิดกิจกรรมทางการผลิต รวมถึงทำให้ศักยภาพการผลิตของเศรษฐกิจไทยดีขึ้น โดยแผนดังกล่าวจะเร่งเบิกจ่ายมากขึ้นที่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาทในปี 53 โดย1.0 แสนล้านบาทจะเป็นโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ ซึ่งหากเป็นไปตามคาด อาจทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 53 ขยายตัวจากกรณีฐานที่ร้อยละ 3.3 ต่อปี เป็นร้อยละ 4.1 ต่อปีได้
2. สภาหอการค้าแนะธปท.ดูแลค่าเงินบาท
- สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นว่า อยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาดูแลการเคลื่อนไหวอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทิศทางสอดคล้องไปกลับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่งทางการค้า ซึ่งช่วงต้นปีที่ผ่านมาพบว่าค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศในแถบภูมิภาค
- สศค. วิเคราะห์ว่า ค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในรอบ 14 เดือน โดยแตะระดับที่ 33.42 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาทดังกล่าวได้รับแรงกดดันจากการเกินดุลการค้าจากการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มมีการปรับตัวดีขึ้น ทำให้ดุลการค้าเกินดุลถึง 3.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือน มิ.ย.-ก.ย. 52 ประกอบกับมีเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ถึง 4.7 หมื่นล้านบาทในช่วงเดียวกัน ทั้งนี้ การที่ ธปท. เข้ามาบริหารจัดการค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพทำให้ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข่งค่าขึ้นประมาณร้อยละ 1.4 จากต้นเดือนก.ย. 52 อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับต้นปีที่ผ่านมาค่าเงินบาทยังคงแข็งค่ากว่าค่าเงินเพื่อนบ้านอื่นๆ ยกเว้น รูเปียห์อินโดนิเซีย และวอนเกาหลี
3. เอกชน-ธปท. กังวลระงับโครงการมาบตาพุดกระทบลงทุน-จ้างงาน
- ศาลปกครองกลาง สั่งระงับ 76 โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดชั่วคราวเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 52 ทำให้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กังวลปัญหากระทบการลงทุนในโครงการเหล็ก-ปิโตรเคมีในอนาคต ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย กังวลถึงผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เพราะมูลค่าการลงทุนในเขตอุตสหกรรมดังกล่าวสูงกว่า 4 แสนล้านบาท
- สศค. วิเคราะห์ว่า คำสั่งระงับโครงการดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการเคลื่อนย้ายโครงการและการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ จะส่งผลให้การลงทุนโดยรวมของประเทศลดลงโดยเฉพาะโครงการเหล็ก-ปิโตรเคมีในอนาคต ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดในเดือน ส.ค. จากดัชนีการชี้วัดการผลิตภาคอุตสาหกรรมบ่งชี้ว่าการลงทุนและการผลิตในอุตสาหกรรมดังกล่าวยังคงมีความเปราะบางสูง นอกจากนั้น การระงับโครงการดังกล่าวจะส่งผลโดยตรงต่อการจ้างงานในประเทศ โดยอาจทำให้อัตราการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวลดลง มีความเปราะบาง การลดลงของการลงทุนในประเทศอาจส่งผลให้การฟื้นตัวช้าลง
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th