รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 12 ตุลาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 12, 2009 11:39 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 12 ต.ค. 2552

Summary:

1. ThaiBMA คาดปี 2552 เอกชนออกหุ้นกู้กว่า 4 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์

2. ธ.กสิกรไทยแนะหาทางออกมาบตาพุดธุรกิจเดินได้

3. ราคาทองคำได้ปรับตัวสูงขึ้นจากความกังวลภาวะเงินเฟ้อ

Highlight:
1. ThaiBMA คาดปี 2552 เอกชนออกหุ้นกู้กว่า 4 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • กรรมการผู้จัดการ สมาคมตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่าในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2552 มีมูลค่าการออกตราสารหนี้ทั้งสิ้น 8.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปี 51 ที่มีมูลค่าการออก 8.5 ล้านล้านบาท ขณะที่ภาคเอกชนมีการออกหุ้นกู้มากถึง 3.5 แสนล้านบาท และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะออกอีก 5.7 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้รวมทั้งปี 52 มีการระดมเงินประมาณ 4 แสนล้านบาท นับว่าสูงเป็นประวัติการณ์
  • อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2553 เอกชนจะออกหุ้นกู้ประมาณ 3 แสนล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 15-20 เมื่อเทียบกับปีนี้ เนื่องจากปี 2552 ถือว่าเป็นปีไม่ปกติ เพราะในภาวะดอกเบี้ยต่ำ และธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยกู้ ทำให้บริษัทเอกชนหันมาออกหุ้นกู้มากขึ้น
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ภาคเอกชนเริ่มมีการระดมทุนในตราสารหนี้มากขึ้นสะท้อนถึงทิศทางการลงทุนภาคเอกชนที่เริ่มมีการฟื้นตัว หลังจากที่หดตัวในระดับสูงในช่วงครึ่งปีแรกที่ร้อยละ -16.1 ต่อปี ทั้งนี้ สศค. คาดว่าทั้งปี 2552 การลงทุนภาคเอกชนจะหดตัวที่ร้อยละ -13.5 ต่อปี และคาดว่า ในปี 2553 การลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวร้อยละ 6.6 ต่อปี
2. ธ.กสิกรไทยแนะหาทางออกมาบตาพุดธุรกิจเดินได้
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงาน กรณีโครงการลงทุน 76 โครงการในพื้นที่มาบตาพุดเป็นเพียงด้านหนึ่งของปัญหาการพัฒนาอุตสาหกรรมหรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สะท้อนถึงความสำคัญของการรักษาสมดุลระหว่างมิติทางเศรษฐกิจ ชุมชนและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ สำหรับ 76 โครงการในมาบตาพุดยังคงต้องดำเนินการต่อไปตามกระบวนการของศาลปกครอง โดยรัฐบาลต้องมีการเร่งดำเนินการเพื่อให้ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่นี้คลี่คลายโดยเร็ว โดยคาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้น
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การดำเนินธุรกิจภายในประเทศในปัจจุบันมีการให้ความสำคัญกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งในอนาคตประเทศไทยจะต้องเน้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนที่ต้องคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม กรณีมาบตาพุดอาจจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของประเทศในระยะสั้น ดังนั้น ภาครัฐจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นและกำหนดหลักเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งในด้านของผู้ประกอบการและภาคประชาชนในเขตชุมชนอุตสาหกรรม
3. ราคาทองคำได้ปรับตัวสูงขึ้นจากความกังวลภาวะเงินเฟ้อ
  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กได้ปรับตัวสู่ระดับสูงสุดในวันที่ 6 ต.ค. 52 ที่ระดับ 1,054 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ (ราคาสูงขึ้นจากต้นปี 2552 คิดเป็นร้อยละ 20) เนื่องจากแนวโน้มของค่าเงินเหรียญสหรัฐที่อ่อนค่าลง อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ต่ำและความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ จากการความกังวลว่ารัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มปริมาณเงินเพื่อรองรับแนวโน้มการขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้น จึงทำให้นักลงทุนมีความต้องการลงทุนในทองคำมากขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงปัญหาค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าและความกลัวจากปัญหาเงินเฟ้อ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ในอนาคต ทิศทางอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจจะเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจที่ประเทศต่างๆทั่วโลกต้องให้ความสำคัญมากขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจโลก ประเทศต่างๆ ได้ใช้นโยบายการคลังแบบขาดดุล และนโยบายการเงินแบบผ่านคลาย ทั้งในด้านของอัตราดอกเบี้ยต่ำและมาตรการ Quantitative Easing เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวอาจจะทำให้เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงต่อปัญหาเงินเฟ้อ หากประเทศต่างๆ ยังคงรักษานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยาวนานเกินไป ภายหลังจากที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแล้ว ซึ่งประเทศต่างๆ จะต้องพิจารณาหาทางออก (Exit Strategy) ที่เหมาะสมต่อไป

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ