สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ประจำกรุงวอชิงตัน ขอรายงานยอดรายได้การใช้จ่าย และการออมของสหรัฐฯ ประจำเดือนสิงหาคม 2552 ซึ่งจัดทำโดยสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (Bureau of Economic Analysis - BEA) ภายใต้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ดังนี้
1. รายได้ส่วนบุคคล (Personal Income) ของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม 2552 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.3 พันล้านเหรียญสรอ. หรือร้อยละ 0.2 ที่ระดับเดียวกันกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้รายได้และเงินเดือนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนกรกฏาคม โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.5 พันล้านเหรียญสรอ. และ 8.4 พันล้านเหรียญสรอ. ในเดือนสิงหาคมและกรกฎาคม ตามลำดับ
2. รายได้ส่วนบุคคลสุทธิ (Disposable Personal Income - DPI) หรือรายได้ที่ครัวเรือนได้รับหลังหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สามารถนำไปใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคหรือการออมนั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.5 พันล้านเหรียญสรอ. หรือร้อยละ 0.1 จากเดือนก่อนหน้า หลังจากชะลอตัว 2.0 พันล้านเหรียญสรอ. หรือร้อยละ 0.1 ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
3. รายได้ส่วนบุคคลที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้จริง (Real Disposable Personal Income — Real DPI) หรือรายได้สุทธิหลังหักภาษีและเงินเฟ้อที่สามารถนำไปใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคหรือการออมได้จริงในเดือนสิงหาคม 2552 ปรับตัวลดลงร้อยละ 1.2 จากผลของระดับราคาที่เพิ่มสูงขึ้น เปรียบเทียบกับการปรับลดที่ร้อยละ 0.1 ในเดือนกรกฎาคม
4. ยอดการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคอุปโภคส่วนบุคคลที่แท้จริง (Real Personal Consumption Expenditures — Real PCE) ขยายตัวร้อยละ 0.9 ในเดือนสิงหาคมเปรียบเทียบกับการขยายตัวที่ร้อยละ 0.2 ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ มูลค่าการใช้จ่ายด้านสินค้าคงทน (Durable Goods) ในเดือนสิงหาคมขยายตัวที่ร้อยละ 5.8 เปรียบเทียบกับอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 1.8 ในเดือนกรกฎาคม สืบเนื่องจากผลของกฎหมาย Cash-for-Clunkers Act ที่ให้การสนับสนุนทางการเงินในกรณีที่ผู้ซื้อนำรถยนต์เก่ามาแลกซื้อรถยนต์ใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งมีผลบังคับใช้ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2552 ส่วนมูลค่าการใช้จ่ายด้านสินค้าไม่คงทน (Non-Durable Goods) ในเดือนสิงหาคม ขยายตัวร้อยละ 1.0 หลังจากชะลอตัวร้อยละ 1.3 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนปริมาณการใช้จ่ายด้านบริการในเดือนสิงหาคม 2552 ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 0.2 เปรียบเทียบกับการขยายตัวที่ร้อยละ 0.1ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
5. ระดับราคา (PCE Price Index) ซึ่งวัดโดยดัชนีราคาของการใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลในเดือนสิงหาคมดีดตัวสูงขึ้นร้อยละ 0.3 หลังจากปรับตัวลดลงเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม 2552 ทั้งนี้ ดัชนีราคาของการใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลที่ไม่รวมสินค้าอาหารและน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ที่อัตราเดียวกันกับเดือนก่อนหน้า
6. การออมส่วนบุคคล (Personal Saving) ที่คิดเป็นสัดส่วนจากรายได้ส่วนบุคคลที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้จริงปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม มาอยู่ที่ร้อยละ 3.0 ในเดือนสิงหาคม 2552 หลังจากเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาถึงแม้ปริมาณการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา ด้วยอัตราการขยายตัวในเดือนสิงหาคมที่สูงที่สุดในรอบ 8 ปี แต่ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นนั้น นับเป็นผลจากมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางกฎหมาย Cashfor-Clunkers Act เป็นหลัก อีกส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากระดับราคาที่ดีดตัวสูงขึ้น อนึ่ง ด้วยอัตราการขยายตัวของรายได้ส่วนบุคคลที่ระดับต่ำ ประกอบกับอัตราการว่างงานที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และภาวะตึงตัวของตลาดสินเชื่อ จึงมีแนวโน้มที่ประชากรสหรัฐฯ จะหันกลับมาตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นในไตรมาสสุดท้ายของปีดังนั้น การขยายตัวของระดับรายได้ส่วนบุคคลจึงนับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสามารถผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้อย่างแท้จริง
Average Growth July August last 12 months 2009 2009 Personal Income -0.2% 0.2% 0.2% Real DPI 0.1% -0.1% -0.2% Real PCE 0.0% 0.2% 0.9% PCE Price 0.0% 0.0% 0.3% Personal Saving Rate 3.9% 4.0% 3.0%
ที่มา : Macroeconomic Analysis Group : Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th