รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 16, 2009 11:58 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 16 ต.ค. 2552

Summary:

1. ดัชนีราคาสินค้าเกษตรในเดือนก.ย.52 หดตัวที่ร้อยละ -12.9 ต่อปี

2. ค่าเงินบาทร่วงแตะที่ระดับ 33.57 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

3. ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ กลับมาหดตัวเล็กน้อยอีกครั้ง แต่ขยายตัวหากหักสินค้ายานยนต์

Highlight:
1. ดัชนีราคาสินค้าเกษตรในเดือนก.ย.52 หดตัวที่ร้อยละ -12.9 ต่อปี
  • เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรขายได้ที่ไร่นาเดือน ก.ย.52 หดตัวที่ร้อยละ -12.9 ต่อปี โดยสินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน เนื่องจากปัจจัยฐานสูงเมื่อปีที่แล้ว ส่วนดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรเดือนก.ย.52 หดตัวที่ร้อยละ -5.1 ต่อปี โดยเป็นการลดลงในผลผลิตสำคัญ ได้แก่ ข้าว มันปะหลัง และยางพารา เป็นต้น
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ดัชนีราคาสินค้าเกษตรเดือน ก.ย.52 ที่หดตัวที่ร้อยละ -12.9 ต่อปีนั้น เป็นการหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ปี 52 ที่หดตัวร้อยละ -18.1 ต่อปี เนื่องจากปัจจัยฐานสูงเมื่อปีที่แล้วที่ราคาสินค้าเกษตรขยายตัวในระดับสูงตามราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไปคาดว่า ราคาสินค้าเกษตรจะค่อยๆปรับตัวสูงขึ้น ตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับปัญหาภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อยครั้งจะส่งผลกระทบให้ผลผลิตสินค้าเกษตรลดลง ทั้งนี้ ราคาและผลผลิตสินค้าเกษตรที่หดตัว ส่งผลให้รายได้เกษตรกรที่แท้จริง (หักอัตราเงินเฟ้อชนบท) เดือน ก.ย.52 หดตัวร้อยละ —18.0 ต่อปี
2. ค่าเงินบาทร่วงแตะที่ระดับ 33.57 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
  • นักวิเคราะห์ในตลาดเงินกล่าวถึงกรณีค่าเงินบาทในช่วงบ่ายของวานนี้ (15 ต.ค.) ว่าได้อ่อนค่าลงไปอยู่ที่ระดับ 33.57 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากที่แข็งค่าสุดที่ 33.37 บาทต่อดอลล์สหรัฐ นั้นเป็นผลมาจากแรงขายบาทจากนักลงทุนต่างชาติที่พากันเทขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ซึ่ง ณ ช่วงบ่ายได้ปรับตัวลงไปถึง -60 จุด ก่อนที่จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นทำให้ปิดตลาดติดลบเหลือเพียงประมาณ -38.75 จุด ส่งผลให้เงินบาทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การอ่อนค่าลงของค่าเงินบาทในช่วงดังกล่าวเป็นผลมาจากข่าวลือเชิงลบภายในประเทศ ที่ทำให้ชาวต่างชาติต่างเกรงต่อความเสี่ยงที่สูงขึ้นและพากันเทขายหุ้นเป็นจำนวนมาก จนส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ระดับ 692.72 จุด ลดลง 38.75 จุด คิดเป็นร้อยละ 5.3 ซึ่งเป็นทิศทางผันผวนและปรับตัวสวนทางกับตลาดหุ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ดี คาดว่าปัจจัยดังกล่าวถือเป็นเพียงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะสั้นเท่านั้น ทั้งนี้ สศค. คาดว่าค่าเงินบาทในปี 52 จะอยู่ที่ 34.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (คาดการณ์ ณ ก.ย. 52)
3. ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ กลับมาหดตัวเล็กน้อยอีกครั้ง แต่ขยายตัวหากหักสินค้ายานยนต์
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ แถลงตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ย.52 หดตัวที่ร้อยละ -1.5 จากเดือนก่อนหน้าจากเดือน ส.ค. 52 (ตัวเลขปรับปรุง) ที่ขยายตัวถึงร้อยละ 2.2 จากเดือนก่อนหน้า แต่หากหักสินค้ายานยนต์แล้ว จะขยายตัวที่ร้อยละ 0.5 จากเดือนก่อนหน้า และหากพิจารณาเป็นรายปีแล้ว จะหดตัวที่ร้อยละ -6.3 ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราการหดตัวรายปีที่น้อยที่สุดในรอบ 11 เดือน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ถึงแม้ว่ายอดค้าปลีกสหรัฐฯ จะหดตัวเล็กน้อย แต่หากหักสินค้ายานยนต์แล้วจะขยายตัวที่ร้อยละ 0.5 จากเดือนก่อนหน้า ผลจากปัจจัยฐานสูงของยอดขายรถยนต์ในเดือนก่อนหน้า จากนโยบายให้เงินอุดหนุนแก่ประชาชนที่มีรถเก่าที่เปลืองน้ำมันให้นำมาแลกซื้อรถใหม่ หรือ cash-for-clunkers ที่เริ่มปฏิบัติจริงช่วงเดือนส.ค.52 และหากพิจารณารายหมวดสินค้า ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นในหลายหมวด เช่น อาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ขยายตัวที่ร้อยละ 0.7 และ 0.9 จากเดือนก่อนหน้า ตามลำดับ เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งมีสัดส่วนถึงกว่าร้อยละ 70 ของ GDP มีสัญญาณฟื้นตัว ทั้งนี้ สศค. คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาส 3 ปี 52 จะหดตัวร้อยละ -3.2 ต่อปี เท่ากับทั้งปี 52 และในปี 53 จะขยายตัวที่ร้อยละ 1.0 ต่อปี (ประมาณการ ณ ก.ย. 52)

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ