รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 20 ตุลาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 20, 2009 10:00 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 20 ต.ค. 2552

Summary:

1. ภาครัฐเปิดการลงทุนให้เอกชนมีส่วนร่วม

2. อุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์กระเตื้องอาเซียนส่งออกอันดับหนึ่ง

3. GDP จีนจะมีขนาดใหญ่กว่าญี่ปุ่น สู่เศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก

Highlight:
1. ภาครัฐเปิดการลงทุนให้เอกชนมีส่วนร่วม
  • ปลัดกระทรวงคมนาคม เผยว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการเรียกหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาประชุมเพื่อกำหนดรูปแบบการให้เอกชนเข้าร่วมการลงทุนในรูปแบบรัฐและเอกชนร่วมลงทุน (PPP) ทั้งนี้ ได้มีนโยบายนำร่อง ไปใช้กับ 2 โครงการ คือ 1.โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง จะเป็นส่วนของการจัดหาเอกชนวางระบบราง ระบบอาณัติสัญญาณ และจัดหาขบวนรถไฟฟ้า มูลค่ารวมกว่า 8 หมื่นล้านบาท และ 2. โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท รวมเป็นการลงทุน 1.3 แสนล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ให้บริการประชาชน และยังเป็นโครงการที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ภายใต้โครงการลงทุนไทยเข้มแข็ง (SP2) วงเงิน 1.43 ล้านล้านบาท รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะระดมทุนผ่านความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชน (Public — Private Participation หรือ PPP) ประมาณ 27.7 พันล้านบาท โดย PPP ก็จะเป็นโครงการที่ภาคเอกชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนกับภาครัฐ ซึ่งจะทำให้ลดภาระด้านการคลังของภาครัฐลง กระจายความเสี่ยงร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน และภาคเอกชนจะสามารถทำให้การดำเนินโครงการให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้และผลตอบแทนจากโครงการ
2. อุปกรณ์ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์กระเตื้องอาเซียนส่งออกอันดับหนึ่ง
  • สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิส์ไทย กล่าวว่า ในเดือนส.ค.52 ที่ผ่านมาการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิส์มีมูลค่า 3,862 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 5.7 ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น อุปกรณ์ประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ สำหรับการส่งออกรวมในช่วง 8 เดือน (ม.ค.52-ส.ค.52) มีมูลค่า 94,396 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พบว่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ประมาณร้อยละ 27 ของมูลค่าการส่งออกรวม ทั้งนี้ตลาดหลักของการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทย ได้แก่ อาเซียน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า มูลค่าการส่งออกสินค้า ณ เดือนส.ค. 52 มีมูลค่าถึง 13.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 12.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนถึงภาคการส่งออกมีสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการขยายการส่งออกที่ดีขึ้นไปยังตลาดภูมิภาคและตลาดเกิดใหม่ โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยได้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีปริมาณการส่งออกในปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ตลาดอาเซียนถือเป็นตลาดใหม่ที่สำคัญในภาวะที่กลุ่มประเทศ G3 ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ
3. GDP จีนจะมีขนาดใหญ่กว่าญี่ปุ่น สู่เศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก
  • บริษัท วิจัย ไอเอชเอส โกลบอล อินไซด์ กล่าวว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลจีนจะประกาศในสัปดาห์นี้ จะทำให้เศรษฐกิจของจีนในไตรมาส 3 ขยายตัวมาอยู่ที่ร้อยละ 9.5 ต่อปี ซึ่งจะยิ่งทำให้ขนาดเศรษฐกิจระหว่างจีนและญี่ปุ่นแคบลงไปอีก โดยที่ จีนเคยประกาศการขยายตัวทางเศรษฐกิจด้วยตัวเลข 2 หลัก ตั้งแต่ปี 2546-2550 และในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2551 ส่งผลให้มูลค่าผลผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของจีน มาอยู่ที่ 4.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตัวเลขจีดีพีญี่ปุ่นอยู่ที่ 4.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการใช้มาตรการทั้งด้านการเงินและการคลัง เพื่อการกระตุ้นการลงทุนภาครัฐโดยผ่านการลงทุนของสาธารณูปโภค (RMB 4 trillion stimulus) ส่วนนโยบายการเงิน ซึ่งถือว่าเป็นมาตราการขับเคลื่อนหลักที่สำคัญในช่วงวิกฤต ผ่านมาตรการการปล่อยสินเชื่อของธนาคารแก่ภาคเอกชนกว่าร้อยละ 20 ของจีดีพี ใน 5 เดือนแรกของปี 2552 อีกทั้ง สศค. คาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2552 จะอยู่ที่ร้อยละ 9.0 ในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะขยายตัวที่ร้อยละ 1.5 เท่านั้น ทั้งนี้ หากทั้ง 2 ประเทศมีอัตราการขยายตัวในอัตราเท่ากับปี 2552 พบว่าเศรษฐกิจจีนจะมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นภายในปี 2554

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ