นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอสรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนสิงหาคม 2552 พร้อมทั้งรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2552 ดังนี้
1. การปรับโครงสร้างหนี้ภาครัฐ
1.1 เดือนกันยายน 2552
หนี้ในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล วงเงิน 8,000 ล้านบาท ทำการ Prepay ตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน 22,000 ล้านบาท และดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) ที่ครบกำหนด วงเงิน 48,162 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะยาว 23,162 ล้านบาท และออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 25,000 ล้านบาท โดยในเดือนกันยายน 2552 ได้ประมูลพันธบัตรดังกล่าวไปแล้ว 8,000 ล้านบาท
นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังได้ดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในเดือนมิถุนายน 2552 วงเงิน 40,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการออกพันธบัตรไปชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้นที่ใช้เป็น Bridge Financing ในการปรับโครงสร้างหนี้
รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ โดยทำการ Roll Over วงเงินรวม 6,300 ล้านบาท โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้ทำการ Roll Over หนี้เดิม วงเงิน 3,200 ล้านบาท 3,000 ล้านบาท และ 100 ล้านบาท
หนี้ต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ทำ Prepay หนี้เงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) จำนวน 1,460 ล้านบาท ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยได้ 74 ล้านบาท
1.2 ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2552
หนี้ในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศ วงเงินรวม 209,161.20 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในส่วนของ FIDF1 49,999.20 ล้านบาท การปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด 70,000 ล้านบาท แปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล 19,000 ล้านบาท ทำการ Prepay ตั๋วสัญญาใช้เงิน 22,000 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) ที่ครบกำหนด 48,162 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจได้ทำการ Roll over และ Refinance หนี้เดิมรวม 65,535 ล้านบาท
หนี้ต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศ โดยเป็นการ Prepay วงเงินรวม 1,460 ล้านบาท ทำให้สามารถลดภาระดอกเบี้ยรวม 74 ล้านบาท
2. การกู้เงินภาครัฐ
เดือนกันยายน 2552
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศเพื่อชดเชย การขาดดุลงบประมาณโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน วงเงิน 4,031 ล้านบาท และได้ดำเนินการกู้เงินภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท เป็นการกู้เงินลักษณะ Term Loan อายุเงินกู้ 2 ปี โดยในเดือนกันยายน 2552 ได้เบิกเงินกู้ไปแล้ว จำนวน 15,000 ล้านบาท
รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ วงเงินรวม 11,915 ล้านบาท โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้มีการกู้เงินรวม 2,160 ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินบาทสมทบ 127 ล้านบาท กู้เพื่อทดแทนเงินกู้ต่างประเทศ 7 ล้านบาท กู้เพื่อลงทุน 796
ล้านบาท และกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไป 1,230 ล้านบาท
การไฟฟ้านครหลวงได้มีการกู้เงินรวม 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินบาทสมทบ 712 ล้านบาท และกู้เพื่อทดแทนเงินกู้ต่างประเทศ 1,288 ล้านบาท ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไป 3,000 ล้านบาท และการกู้เพื่อลงทุนในโครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย 4,755 ล้านบาท
ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2552
ภาครัฐได้กู้เงินในประเทศรวม 698,771 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินของกระทรวงการคลัง 506,061 ล้านบาทและของรัฐวิสาหกิจ 192,710 ล้านบาท
3. การชำระหนี้ภาครัฐ
เดือนกันยายน 2552
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณรวม 48,922 ล้านบาท โดยเป็นการชำระคืนเงินต้น 24,244 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 23,875 ล้านบาท และค่าซื้อเงินตราต่างประเทศ 803 ล้านบาท
ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2552
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียม และค่าซื้อเงินตราต่างประเทศจากงบประมาณรวม 180,164 ล้านบาท
รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2552
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2552 มีจำนวน 4,015,178 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.70 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,609,362 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,102,934 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 205,863 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 97,019 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 30,786 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้น 19,820 ล้านบาท 11,920 ล้านบาท และ 1,046 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 2,000 ล้านบาท ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีหนี้คงค้าง
การเพิ่มขึ้นสุทธิของหนี้สาธารณะคงค้างเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมานั้น ที่สำคัญเกิดจากการเพิ่มขึ้นของ หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน โดยหนี้ ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้นสุทธิ 19,820 ล้านบาท รายการที่สำคัญเกิดจากรัฐบาลได้ทำการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชย การขาดดุลงบประมาณ จำนวน 9,000 ล้านบาท และดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล วงเงิน 11,000 ล้านบาท
สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นสุทธิ 11,920 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการเพิ่มขึ้นของ หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันในส่วนของหนี้ในประเทศ รายการที่สำคัญเกิดจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ออกพันธบัตร จำนวน 10,000 ล้านบาท
สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันเพิ่มขึ้นสุทธิ 1,046 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจาก การเพิ่มขึ้นของหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน รายการที่สำคัญเกิดจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ออกพันธบัตร จำนวน 2,000 ล้านบาท และไถ่ถอนพันธบัตร จำนวน 1,000 ล้านบาท
สำหรับหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 2,000 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการซื้อคืนพันธบัตรของกองทุนเพื่อ การฟื้นฟูฯ ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
หนี้สาธารณะ 4,015,178 ล้านบาท แยกออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 385,170 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.59 และ หนี้ในประเทศ 3,630,008 ล้านบาท หรือร้อยละ 90.41 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 3,573,775 ล้านบาท หรือร้อยละ 89.01 และหนี้ระยะสั้น 441,403 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.99 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง
ส่วนประสานสัมพันธ์นักลงทุน สำนักนโยบายและแผน
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5510
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 154/2552 22 ตุลาคม 52--