Macro Morning Focus ประจำวันที่ 28 ต.ค. 2552
1. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.52 ปรับตัวสูงขึ้นที่ระดับ 95.9
2. ธนาคารกลางอินเดียปรับลดมาตรการด้านการเงินจากแรงกดดันสภาวะเงินเฟ้อที่ก่อตัวขึ้น
3. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
- ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทย ในเดือนก.ย.52 อยู่ที่ระดับ 95.9 ปรับตัวขึ้นมากจากเดือนสิงหาคม ที่ระดับ 88.0 เป็นผลมาจาก ทั้งยอดคำสั่งซื้อ และยอดขายต่างประเทศสูงขึ้นในหลายอุตสาหกรรม ประกอบกับกำลังซึ้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นนั้น สอดคล้องกับการปรับดีขึ้นของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ที่ในเดือนก.ย.52 สามารถขยายตัวเป็นบวกเป็นเดือนแรกที่ร้อยละ 1.0 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ -8.6 ต่อปี สะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณบวกของภาคผลิตอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 40.0 ของ GDP ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปี 52
- ธนาคารกลางอินเดียได้สั่งการให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น ซึ่งนับเป็นการเริ่มถอนมาตรการด้านการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ก่อตัวขึ้น การดำเนินการดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณถึงการดำเนินมาตรการด้านอัตราดอกเบี้ยในช่วงต่อไปโดยผู้ว่าธนาคารกลางอินเดียเห็นว่ามาตรการดังกล่าวไม่กระทบต่อฐานะสภาพคล่องของระบบธนาคาร เนื่องจากธนาคารส่วนใหญ่ถือสินทรัพย์สภาพคล่องเกินกว่าที่กฏหมายใหม่กำหนด
- สศค. วิเคราะห์ว่า แม้ว่าแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะสูงขึ้นในระยะต่อไปในหลายๆประเทศ จะทำให้ธนาคารกลางต่างๆ หันมาใช้มาตรการด้านการเงินผ่านการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อจัดการภาวะเงินเฟ้อในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ธนาคารกลางหันมาใช้มาตรการทางการเงินอื่นที่นอกเหนือจากการปรับอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯซึ่งจัดทำโดย Conference Board ในเดือน ต.ค. 52 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 47.7 จุดจากระดับ 53.4 จุดในเดือน ก.ย. สอดคล้องกับมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐฯที่ว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนจะถูกจำกัดด้วยอัตราการว่างงานที่ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก ทั้งนี้ รายงานของทางการสหรัฐฯระบุว่าแม้ว่าในเดือนที่ผ่านมา ภาคธุรกิจสหรัฐจะชะลอการเลิกจ้างงานแต่ก็ไม่ได้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
- สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราการว่างงานของสหรัฐฯที่ในเดือน ก.ย. ยังคงอยู่ในระดับที่สูงอยู่ถึงร้อยละ 9.8 ของกำลังแรงงานรวมและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯอาทิโครงการแลกรถยนต์เก่าเพื่อซื้อรถยนต์ใหม่ที่ได้หมดลงในช่วงที่ผ่านมาอาจส่งผลให้ความเชื่อมั่นของประชาชนที่จะใช้จ่ายในระยะต่อไปลดลง ในขณะเดียวกัน ระดับของปริมาณสินเชื่อภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่องโดยปรับตัวลดลงในเดือน ก.ย. ที่ร้อยละ -1.54 ต่อเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากระดับ -1.3 ต่อเดือนในเดือน ส.ค. นั้น ในขณะเดียวกัน สินเชื่อภาคธุรกิจของสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยโดยปรับตัวลดลงในเดือน ก.ย. ที่ร้อยละ -2.54 ต่อเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากระดับ -2.3 ต่อเดือน สศค. วิเคราะห์ว่าจากเหตุผลข้างต้นความสามารถในการใช้จ่ายของภาคเอกชนยังไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th