รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 6, 2009 11:25 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 6 พ.ย. 2552

Summary:

1. รัฐบาลพร้อมทบทวนข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา

2. ธนาคารไทยพาณิชย์คาดดอกเบี้ยจะปรับขึ้นในอีก 6-9 เดือนข้างหน้า

3. ธนาคารกลางอังกฤษชะลอการอัดฉีดสภาพคล่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

Highlight:
1. รัฐบาลพร้อมทบทวนข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา
  • นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้มอบหมายนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ดำเนินการตอบโต้ทางการทูตต่อแถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชาที่พาดพิงกระบวนยุติธรรมของไทย เพราะเชื่อว่ากระทบความรู้สึกของประชาชน พร้อมระบุขณะนี้การค้าขายตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังดำเนินไปตามปกติ ส่วนความร่วมมือที่รัฐบาลไทยเคยให้ความช่วยเหลือกัมพูชาอาจจะต้องพิจารณาทบทวน ด้านกระทรวงการต่างประเทศเตรียมเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศ และพร้อมทบทวนข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา
  • สศค. วิเคราะห์ว่ากรณีการขัดแย้งดังกล่าวไม่น่าส่งผลกระทบระยะต่อความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยจากต่างชาติ เนื่องจากเข้าใจถึงเหตุผลในการดำเนินนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล ในขณะเดียวกัน หากพิจารณาทางด้านมิติเศรษฐกิจพบว่า สัดส่วนของนักท่องเที่ยวจากประเทศกัมพูชามีเพียงประมาณร้อยละ 1.7 ของนักท่องเที่ยวรวมเท่านั้น อีกทั้งการส่งออกของไทยไปยังกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนน้อย เพียงร้อยละ 1.1 ของการส่งออกไทยโดยรวม อย่างไรก็ตาม อาจมีผลกระทบต่อการลงทุนไทยในกัมพูชาได้บ้าง โดยในปี 2551 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกัมพูชาได้อนุมัติการลงทุนไทย 4 โครงการ มูลค่า 30.67 ล้านเหรียญสหรัฐ ในอุตสาหกรรมน้ำตาล การขนส่งทางเรือ และโรงพยาบาล
2. ธนาคารไทยพาณิชย์คาดดอกเบี้ยจะปรับขึ้นในอีก 6-9 เดือนข้างหน้า
  • ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายผลิตภัณฑ์เงินฝากและการลงทุนของธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะ 6-9 เดือนข้างหน้าว่ามีโอกาสจะปรับขึ้นทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก จากการที่ภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปยังอัตราเงินเฟ้อและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้สูงขึ้น และการที่ภาครัฐมีแผนระดมเงินในประเทศมากขึ้น โดยแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปตามภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นอย่างรวดเร็ว
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารกลางในบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย นอร์เวย์ ได้เริ่มดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น ผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการปรับลดเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ในอินเดีย ซึ่งสะท้อนแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไปที่เปลี่ยนมาควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในระยะต่อไปจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ สศค. ได้คาดการณ์ ณ เดือนกันยายน 2552 ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะค่อยๆ ปรับลดลงไปอยู่ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี ภายในสิ้นปี 2553
3. ธนาคารกลางอังกฤษชะลอการอัดฉีดสภาพคล่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
  • ธนาคารกลางของอังกฤษประกาศยอดซื้อคืนพันธบัตรมูลค่า 200,000 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 52 แม้ว่าในเดือนที่ผ่านมารัฐบาลอังกฤษได้มีการช่วยเหลือสถาบันการเงิน (Bail out) ถึง 2 แห่ง แต่เนื่องจากมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อาทิ ผลการสำรวจคำสั่งซื้อของผู้จัดการ (Survey of Purchasing Manager) ที่ระดับ 56.9 สูงที่สุดตั้งแต่ ส.ค. 52 ทำให้ธนาคารกลางของอังกฤษมีความกังวลต่อแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ จึงได้ชะลอการอัดฉีดสภาพคล่องลง ส่งผลให้ค่าเงินปอร์นแข็งตัวขึ้น
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารกลางในหลายประเทศกำลังพิจารณาถึงความสมดุลย์ระหว่างอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ โดยที่ผ่านมา ประเทศออสเตรเลียและนอร์เวย์ เป็นสองประเทศแรกที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว นอกจากนี้ ความกังวลต่อ asset bubble ในประเทศจีน อาจส่งผลให้ธนาคารกลางของจีนต้องดำเนินมาตรการควบคุมในด้านอัตราดอกเบี้ยหรือัตราแลกเปลี่ยนได้

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ