รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 10, 2009 10:58 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 10 พ.ย. 2552

Summary:

1. สมาคมธนาคารคาดดอกเบี้ยปีหน้าขึ้น 0.75 - 1.00 %

2. สายการบินกว่า 100 สาย เพิ่มเที่ยวบินรวมกว่าพันเที่ยวต่อสัปดาห์รับ High Season

3. ผู้เชี่ยวชาญคาดราคาน้ำมันไม่แตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังโอเปคเพิ่มกำลังการผลิต

Highlight:
1. สมาคมธนาคารคาดดอกเบี้ยปีหน้าขึ้น 0.75 - 1.00 %
  • นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทยและประธานสมาคมธนาคารไทย คาดว่า ในปีหน้าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากของระบบธนาคารพาณิชย์จะขยับขึ้นรวม 0.75 — 1.00% เพราะคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นไม่น้อยกว่า 0.75 — 1.00% จากระดับปัจจุบันที่ 1.25% เนื่องจากคาดว่าต้นปีหน้าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 3% กว่า นอกจากนี้ ยังคาดว่า ในปีหน้าสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบจะเติบโตประมาณ 6 — 7% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สำหรับธนาคารกรุงไทย ในปีหน้าประเมินว่าจะขยายสินเชื่อสุทธิ 6 - 7 หมื่นล้านบาท โดยธนาคารคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะขยายตัวมากกว่า 3% และสินเชื่อของธนาคารจะเติบโตเป็น 2 เท่าของ GDP
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันเสถียรภาพภายในประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดีจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.4 ในเดือน ก.ย. 52 และอัตราการว่างงานที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปีหน้าความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้ ธปท. อาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า ทั้งนี้นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2551 เป็นต้นมา ธปท. ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงรวมทั้งสิ้นร้อยละ 2.50 ต่อปี โดย สศค. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2553 จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.5 — 4.1 ต่อปี โดยมีสมมุติฐานของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 1.25 — 1.75 ต่อปี) (คาดการณ์ ณ ก.ย. 2552)
2. สายการบินกว่า 100 สาย เพิ่มเที่ยวบินรวมกว่าพันเที่ยวต่อสัปดาห์รับ High Season
  • ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเผย ภาพรวมปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินของสายการบินต่างๆ ในช่วงตารางบินฤดูหนาวระหว่างวันที่ 25 ต.ค. 52 - 27 มี.ค. 53 ทั้งเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศพบว่า มีปริมาณเที่ยวบินเฉลี่ย 750 — 800 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีปริมาณเที่ยวบินเฉลี่ย 650 — 700 เที่ยวต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 14 โดยคาดว่าปีนี้จะมีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยวันละ 1.17 แสนคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยวันละ 9.85 หมื่นคน หรือคิดเป็นร้อยละ 18.78 แสดงถึงการเริ่มฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในช่วง High Season
  • สศค. วิเคราะห์ว่า วิกฤตเศรษฐกิจโลก การแพร่ระบาดของไข้หวัด 2009 และปัจจัยความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามายังประเทศไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 52 หดตัวอย่างมากที่เฉลี่ยร้อยละ -16.2 ต่อปี อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในไตรมาส 3 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามายังประเทศไทยในไตรมาส 3 มีจำนวน 3.4 ล้านคน คิดเป็นการหดตัวเพียงร้อยละ -1.0 ต่อปี ทั้งนี้ สศค. คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปี 52 จะอยู่ที่ 13.5 ล้านคน หากไม่มีปัจจัยลบที่คาดไม่ถึงมากระทบเพิ่ม ซึ่งจะสามารถก่อให้เกิดการจ้างงานในภาคคมนาคมขนส่ง ขายส่งขายปลีก โรงแรมและภัตตาคารเพิ่มขึ้น และสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศประมาณ 468 ล้านบาท
3. ผู้เชี่ยวชาญคาดราคาน้ำมันไม่แตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังโอเปคเพิ่มกำลังการผลิต
  • ประธานบริษัท ชอร์ก กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานรายใหญ่ในสหรัฐฯ เผยกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) กำลังเพิ่มปริมาณการผลิตในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 2 ปี ทำให้สต็อกน้ำมันดิบของโอเปคพุ่งขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเหตุผลดังกล่าวอาจทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังไม่เพิ่มขึ้นแตะที่ระดับราคา 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ย่อมไม่เป็นผลดีต่อโอเปค เพราะโอเปครู้ดีว่าบรรดานักเก็งกำไรยังคงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น
  • สศค. วิเคราะห์ว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเป็นไปในทิศทางที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการเก็งกำไรในตลาดน้ำมันเริ่มกลับมาเป็นปัจจัยเสี่ยงอีกครั้ง หลังจากมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากตลาดค้าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มาสู่ตลาดโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ดี สศค. คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยไม่น่าจะปรับตัวขึ้นไปสูงถึงระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากอุปสงค์จากประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ เช่น สหรัฐฯ จะยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน ทั้งนี้ สศค. คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไปเฉลี่ยในปี 52 จะอยู่ที่ 61.2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนในปี 53 คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไปจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่ 75 — 85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ตามอุปสงค์ที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ