รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 15, 2009 10:32 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 15 ธ.ค. 2552

Summary:

1. ธปท.หวั่นเงินทุนเคลื่อนย้ายทะลัก กดดันค่าเงินบาทและราคาสินทรัพย์ในประเทศ

2. กนอ. เผยมี 21 โครงการยังไม่ก่อสร้าง นักลงทุนอาจถอนทุนไปประเทศเพื่อนบ้าน

3. ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าบูม แห่เก็งกำไร "ข้าว"

Highlight:
1. ธปท.หวั่นเงินทุนเคลื่อนย้ายทะลัก กดดันค่าเงินบาทและราคาสินทรัพย์ในประเทศ
  • รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีความเปราะบางอยู่หลายด้าน ทั้งการว่างงานและปัญหาหนี้เสียในสหรัฐฯและยุโรป ซึ่งจะเป็นข้อจำกัดต่อการส่งออกไทยและทำให้ค่าเงินบาทผันผวนมากขึ้น และเป็นปัจจัยกระตุ้นให้มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทยมากขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาฟองสบู่ได้ ฉะนั้นทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันดูแลความผันผวนที่จะเกิดขึ้นให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อภาคธุรกิจเอกชน
  • สศค.วิเคราะห์ว่า ถึงแม้สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเด่นชัดขึ้นในระยะที่ผ่านมา แต่เศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้ว รวมถึงระบบการเงินโลกยังคงอยู่ในภาวะเปราะบาง ดังจะเห็นได้จากปัญหาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศกลุ่ม G3 (สหภาพยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น) และการหยุดพักชำระหนี้ของรัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อไทยทั้งในด้านเศรษฐกิจจริงและภาคการเงิน อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการส่งออก ในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา ไทยได้กระจายตลาดส่งออก จากที่เคยพึ่งพาตลาด G3 สูงถึงร้อยละ 49.4 ของมูลค่าส่งออกรวมในปี 45 เหลือเพียงร้อยละ 31.8 ของมูลค่าส่งออกรวมในช่วง 10 เดือนแรกของปี 52 ในขณะเดียวกัน ธนาคารพาณิชย์มีการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาหนี้เสียและปัญหาฟองสบู่ของราคาสินทรัพย์ในประเทศ อย่างไรก็ตาม สินเชื่อที่ขยายตัวในระดับที่เหมาะสมจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกแรง โดยสินเชื่อภาคเอกชนเดือนต.ค.ขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.2 ต่อปี หลังจากที่ชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่อง
2. กนอ. เผยมี 21 โครงการยังไม่ก่อสร้าง นักลงทุนอาจถอนทุนไปประเทศเพื่อนบ้าน
  • การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เผย กนอ.ได้สำรวจ 65 โครงการ พบว่ามีโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กนอ.ทั้งสิ้น 53 โครงการ มี 21 โครงการยังไม่มีการก่อสร้าง ส่งผลให้นักลงทุนอาจถอนทุนไปประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน ประเมินโครงการเกี่ยวข้องด้านพลังงานที่ได้รับ ผลกระทบ จำนวนทั้งสิ้น 19 โครงการ มีมูลค่าสูงถึง 2.6 แสนล้านบาท เกิดภาวะว่างงาน 12,000 ราย รวมถึงเกรงว่าหากก๊าซแอลพีจีขาดแคลน อาจต้องนำเข้าจากต่างประเทศสูงกว่าหมื่นล้าน
  • สศค.วิเคราะห์ว่า ปัญหามาบตะพุดที่เกิดขึ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ทำให้ไทยได้หันมาสร้างความสมดุลระหว่างการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชนอย่างจริงจัง และ สศค. ได้ประเมินผลกระทบจากปัญหามาบตาพุด ว่า จะทำให้ GDP ลดลงร้อยละ -0.2 (ไม่รุนแรง) ถึงร้อยละ -0.5 (รุนแรง) เมื่อเทียบกับกรณีปกติ
3. ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าบูม แห่เก็งกำไร "ข้าว"
  • ตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) บูม โดยในช่วง 10 เดือนแรก ของปี 52 จำนวนสัญญาข้าวหอมมะลิ (BHMR) เพิ่มขึ้นกว่า 4.5 หมื่นสัญญา จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีเพียง 13 สัญญา ซึ่งคาดว่าปี 53 ราคาสินค้าเกษตรจะพุ่งถึงร้อยละ 30 ดึงดูดให้นักลงทุนสนใจเทรดมากขึ้น ซึ่งผลของ "เอลนิโญ" ได้ส่งผลกระทบต่อผลผลิตข้าว จนอาจทำให้ราคาข้าวปรับเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20
  • สศค.วิเคราะห์ว่า สำหรับฤดูการผลิตปี 2552/53 ข้าวของโลกมี 433.7 ล้านตัน เมื่อเปรียบเทียบกับการบริโภคซึ่งมีความต้องการถึง 438.5 ล้านตัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการข้าวที่มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวสูงขึ้น โดยราคาข้าวตลาด Chicago ในช่วงวันที่ 1-14 ธ.ค. 52 ปรับตัวดีขึ้นที่ราคา 15. 6 เหรียญ/CWT ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงกลางปีที่ผ่านมาที่ราคา 12.6 เหรียญ/CWT ในขณะที่ตลาด AFET ของข้าวหอมมะลิ 100% ในเดือน ธ.ค. 52 ราคาส่งมอบที่ 31.70 บาท/กก. ส่งผลให้ราคาส่งมอบในเดือน ม.ค. 53 อยู่ที่ 32.30 บาท/กก. ซึ่งมาจากปัญหาทางภัยธรรมชาติในต่างประเทศทำให้ปริมาณข้าวลดลง ซึ่งส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย สะท้อนได้จาก เดือน ต.ค. มูลค่าข้าวส่งออกอยู่ที่ 449 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวทั้งมูลค่าและปริมาณ ซึ่งจะทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้น

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ