รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 25, 2009 11:24 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 25 ธ.ค. 2552

Summary:

1. นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าอาจมีโครงการมาบตาพุดอีกราว 5-6 โครงการที่เดินหน้าได้

2. ตลาดจักรยานยนต์เดือน พ.ย. ขยายตัวร้อยละ 9 ต่อเดือน สะท้อนรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้น

3. ตัวเลขการใช้จ่ายและรายได้ภาคเอกชนของสหรัฐปรับตัวดีขึ้นมามากที่สุดในรอบหลายเดือน

Highlight:
1. นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าอาจมีโครงการมาบตาพุดอีกราว 5-6 โครงการที่เดินหน้าได้w
  • นรม. ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กล่าวว่าจากการตรวจสอบในเบื้องต้นคาดว่าจะมีโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอีกราว 5-6 โครงการที่เข้าหลักเกณฑ์เดียวกับที่ศาลปกครองมีคำสั่งอนุญาตให้ 1 โครงการเดินหน้าต่อได้เนื่องจากได้รับใบอนุญาตก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 ในขณะเดียวกัน รมว. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาเรื่องการกำหนดหลัก เกณฑ์ วิธีการและแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ปัญหาโครงการต่างๆในเขตมาบตาพุดแล้ว
  • สศค.วิเคราะห์ว่าการปรับปรุงร่างระเบียบดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญในการลดผลกระทบเชิงลบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป หากกรณีพิพาทดังกล่าวคลี่คลายได้โดยเร็วและโครงการส่วนมากสามารถเดินหน้าได้ ผลกระทบน่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำโดยอาจส่งผลในเชิงลบเล็กน้อยโดย GDP อาจปรับตัวลดลงจากฐานที่ร้อยละ 0.2 แต่หากยืดเยื้ออาจส่งผลกระทบให้ GDP ปรับลดลงประมาณร้อยละ -0.5 ต่อปีและส่งผลให้การจ้างงานทั้งประเทศลดลง -193,000 คน
2. ตลาดจักรยานยนต์เดือนพ.ย. ขยายตัวร้อยละ 9 ต่อเดือน สะท้อนรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้น
  • ตลาดจักรยานยนต์เดือนพ.ย. ขยายตัวร้อยละ 9 ต่อเดือน แต่ยอดรวม 11 เดือนยังคงหดตัวที่ร้อยละ -13 โดยกรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า เปิดเผยถึงตลาดรถจักรยานยนต์เดือนพ.ย. ว่าเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยมียอดจดทะเบียนรวมสูงถึง 130,264 คัน เติบโตขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับเดือนต.ค. 2552 และยังมียอดรวมที่มากกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 4 ต่อปี โดยฮอนด้าในฐานะผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ร้อยละ 68 หรือ 8.89 หมื่นคัน เติบโตสูงขึ้นถึงร้อยละ 15 จากเดือนก่อนหน้า และยังเติบโตกว่าเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 11 ต่อปี
  • สศค. วิเคราะห์ว่าผู้ซื้อรถจักรยนต์ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร การปรับตัวเพิ่มขึ้นของยอดขายรถประเภทดังกล่าวจึงสอดคล้องกับรายได้ประชาชนในภาคเกษตรกรรมด้วย โดยรายได้เกษตรกรที่แท้จริงในเดือน พ.ย. ขยายตัวร้อยละ 3.2 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ -2.6 ต่อปี นอกจากนี้การขยายตัวของยอดขายรถดังกล่าวยังสะท้อนการขยายตัวของความต้องการภายในประเทศอีกด้วย
3. ตัวเลขการใช้จ่ายและรายได้ภาคเอกชนของสหรัฐปรับตัวดีขึ้นมากที่สุดในรอบหลายเดือน
  • ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐล่าสุดบ่งชี้ถึงสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นของภาคการจ้างงานแล้ว หลังจากที่ตัวเลขการใช้จ่าย (Consumer spending) ของเดือน พ.ย. ขยายตัวที่ร้อยละ 0.5 ต่อเดือน ซึ่งในขณะที่ตัวเลขรายได้ (Income) ปรับตัวดีขึ้นที่ร้อยละ 0.4 ต่อเดือนซึ่งเป็นการขยายตัวที่ดีที่สุดในรอบ 6 เดือน สอดคล้องกับตัวเลขราคาค่าจ้าง (Wages and salaries) ที่ปรับตัวดีขึ้นมามากที่สุดในรอบ 7 เดือนที่ขยายตัวที่ร้อยละ 0.3 ต่อเดือน
  • สศค. วิเคราะห์ว่าตัวเลขดังกล่าวสะท้อนการฟื้นตัวในภาคการบริโภคของสหรัฐซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นลำดับต้นของ GDP อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ โดยปรับตัวเป็นบวกในเดือน พ.ย. ที่ร้อยละ 1.8 ต่อปีในขณะเดียวกัน การที่ประชาชนเริ่มมีรายได้ฟื้นตัวขึ้นและราคาของสินค้าที่ยังอยู่ในระดับต่ำจากการลดราคา (discounts) และการเร่งซื้อของจากตามเทศกาลช่วงปลายปีอาจมีส่วนสนับสนุนให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงปลายปีนี้เร่งตัวขึ้น

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ