Macro Morning Focus ประจำวันที่ 28 ธ.ค. 2552
Summary:
1. กรมส่งเสริมการส่งออกชูธง ปีหน้าได้ลุ้นส่งออกโต 14%
2. บีโอไอปลื้มยอดส่งเสริมปีนี้ทะลุ5แสนล้าน
3. รัฐบาลญี่ปุ่นมั่นใจเศรษฐกิจไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยรอบ 2
Highlight:
1. กรมส่งเสริมการส่งออกชูธง ปีหน้าได้ลุ้นส่งออกโต 14%
- สำหรับการส่งออกในปี 53 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายอย่างเป็นทางการว่า จะผลักดันให้ขยายตัวเป็นบวกร้อยละ 14 ต่อปี มูลค่าการส่งออก 1.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเฉลี่ยส่งออกได้เดือนละ 1.3 -1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ การผลักดันการส่งออกในปีหน้า ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องพึงระมัดระวัง คือปัจจัยเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ปัญหามาบตาพุด และปัจจัยทางการเมืองที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นทางการค้า
- สศค.วิเคราะห์ว่า การส่งออกของไทยในปี 53 นั้น จะขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดการค้าเสรีอาเซียนที่จะทำให้เกิดการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยยังมีความเสี่ยง ได้แก่ ค่าเงินบาทที่ผันผวนและมีแนวโน้มแข็งค่า รวมถึงความสามารถในการแข่งขันทางด้านราคา แต่ยังคงมีปัจจัยเกื้อหนุนจากฐานคำนวณที่ต่ำในปี 52 ทั้งนี้ สศค. คาดว่า การส่งออกไทยในปี 53 จะขยายตัวที่ร้อยละ 14.5 -16.5 ต่อปี (คาดการณ์ ณ เดือน ธ.ค. 52)
2. บีโอไอปลื้มยอดส่งเสริมปีนี้ทะลุ5แสนล้าน
- กรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ปี 2552 (ม.ค. - 21 ธ.ค.) มีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 1,193 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 5.14 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายคิดเป็น 28% โดยคาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงาน 129,453 คน ทั้งนี้ ภาพรวมของการลงทุนในช่วงปลายปี 2552 เริ่มมีสถานการณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดย เดือนพ.ย.-ธ.ค.2552 มีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 264 โครงการ ซึ่ง อุตสาหกรรมที่มีผู้สนใจจะลงทุนมากที่สุดได้แก่ อุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค มูลค่าการลงทุนรวม 303,696 ล้านบาท รองลงมาเป็น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีมูลค่าการลงทุนรวม 51,487 ล้านบาท ตามด้วยอุตสาหกรรมโลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง มีมูลค่าการลงทุนรวม 49,454 ล้านบาท และอุตสาหกรรมเกษตร มูลค่า 43,453 ล้านบาท
- สศค. วิเคราะห์ว่า ภาคอุตสาหกรรมของไทยซึ่งมีความสำคัญคิดเป็นร้อยละ 40 ของ GDP มีสัญญาณการฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 โดยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรมล่าสุดในเดือน พ.ย.52 กลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ 7.5 ต่อปี เฉลี่ย 2 เดือนขยายตัวร้อยละ 3.4 ต่อปี ขยายตัวอย่างมากจากไตรมาสที่ 3 ปี 52 ที่หดตัวร้อยละ -5.5 ต่อปี สอดคล้องกับอัตราการว่างงานล่าสุดในเดือน ต.ค.52 ที่ร้อยละ 1.1 ของกำลังแรงงาน ลดลงอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 ของปี ดังนั้น การลงทุนที่เพิ่มขึ้นจาก ปีโอไอ จะช่วยสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยและการจ้างงานภาคอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องในปี 2553
3. รัฐบาลญี่ปุ่นมั่นใจเศรษฐกิจไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยรอบ 2
- รัฐมนตรีว่าการทรวงยุทธศาสตร์แห่งชาติของญี่ปุ่น แสดงความมั่นใจว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะสามารถหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะถดถอยครั้งที่ 2 ได้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวลว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้งในช่วงกลางปี 2553
- สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 4 ปี 52 เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะหดตัวที่ร้อยละ -3.0 ต่อปี เป็นการหดตัวที่ชะลอลงจากไตรมาสก่อนที่หดตัวที่ร้อยละ -5.1 ต่อปี เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวในการบริโภคภาคเอกชน จากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ในรัฐบาลก่อนหน้าที่มีมูลค่ากว่า 14 ล้านล้านเยน (154 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลชุดใหม่อีกกว่า 7.2 ล้านล้านเยน ทำให้คาดว่าในปี 2552 เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะหดตัวที่ร้อยละ -5.8 ต่อปี และจะกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.5 ถึง 2.5 ต่อปี) ในปี 2553
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th