Macro Morning Focus ประจำวันที่ 30 ธ.ค. 2552
Summary:
1. สศก. ชี้รายได้เกษตรกรสูงช่วยรับมือเงินเฟ้อ
2. สอท.ฟันธง ปี 53 ยอดขายรถยนต์ขยายตัวร้อยละ 20 ต่อปี
3. ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 53 อยู่ที่ประมาณ 75 $/bl
Highlight:
1. สศก.ชี้รายได้เกษตรกรสูงช่วยรับมือเงินเฟ้อ
- สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผยว่า ตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกรในสินค้าเกษตร 3 ชนิด คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าว และมันสำปะหลัง ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่แน่นอนขึ้น ประกอบกับสินค้าทั้ง 3 ชนิดมีราคาเฉลี่ยสูงขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้การออมของเกษตรกรในปี 53 สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ รายได้ที่สูงขึ้นดังกล่าว จะไม่ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อปัจจุบันที่อยู่ที่ร้อยละ 1.9
- สศค.วิเคราะห์ว่า เดือน พ.ย. รายได้เกษตรกรขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ที่ร้อยละ 5.4 ต่อปี เป็นผลจากราคาสินค้าเกษตรที่ขยายตัวถึงร้อยละ 6.8 ต่อปี ส่วนปริมาณผลผลิตยังคงหดตัวร้อยละ -1.4 ต่อปี แม้จะหักผลของเงินเฟ้อในชนบทแล้วยังคงขยายตัวได้ที่ร้อยละ 3.2 ต่อปี ส่วนในปี 53 คาดว่าแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรจะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการของเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว แต่ความไม่แน่นอนของราคาก็มีอยู่เพราะราคาสินค้าเกษตรขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิต ดินฟ้าอากาศ และราคาน้ำมัน รัฐบาลจึงมีนโยบายประกันรายได้เกษตรกรภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งที่มีวงเงินถึง 41,933 ล้านบาท ซึ่งเปรียบเสมือนหลังพิงให้มั่นใจได้ว่าเกษตรกรจะจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่สูงกว่าต้นทุนการผลิต และเป็นปัจจัยสนับสนุนการบริโภคภาคครัวเรือน สาเหตุนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราคาดการณ์ว่า การบริโภคภาคเอกชนในปี 53 จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ 3.3 ต่อปี เทียบกับปี 52 ที่คาดว่าจะหดตัวร้อยละ -1.3 ต่อปี
2. สอท.ฟันธง ปี 53 ยอดขายรถยนต์ขยายตัวร้อยละ 20 ต่อปี
- นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กล่าวถึง สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2553 ว่า ตลาดรถยนต์โดยรวมในปี 2553 จะมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 20 ต่อปี โดยจะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านคัน แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 600,000 คัน และส่งออก 600,000 คัน โดยการจำหน่ายรถยนต์นั่งและรถปิกอัพขนาด 1 ตัน จะมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันคือ 50:50 จากกลุ่มผู้บริโภคในต่างจังหวัดและกลุ่มผู้ต้องการใช้รถในรูปแบบอเนกประสงค์ ขณะที่ ตลาดรถยนต์นั่งจะมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กหรือบีคาร์ รวมถึงการจะมีรถยนต์อีโคคาร์ออกสู่ตลาดจะส่งผลให้ตลาดมีความคึกคัก
- สศค. วิเคราะห์ว่า ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งและปิคอัพที่ขยายตัวอย่างมากใน 2 เดือนแรกของ Q4/52 ที่ร้อยละ 27.9 และ 9.8 ต่อปี ตามลำดับ สะท้อนให้เห็น 2 สิ่ง ได้แก่ 1) การฟื้นตัวของการบริโภคสินค้าคงทนเนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง และ 2) กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มตอบสนอง โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตใน Q4/52 อยู่ที่ 70.6 เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับ Q3/52 ที่อยู่ที่ 57.5 ส่วนในปี 53 หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยแข็งแรงขึ้นต่อเนื่อง บวกกับผลการอัดฉีดเศรษฐกิจของรัฐบาล การไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย น่าจะทำให้การบริโภคสินค้ารถยนต์และการผลิตยานยนต์มีส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้มากขึ้น
3. ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 53 อยู่ที่ประมาณ 75 $/bl
- บมจ. ไทยออยล์ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยหดตัวลงมากถึงร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้การใช้น้ำมันสำเร็จรูปรวมในประเทศชะลอตัวลง โดยเฉพาะปริมาณการใช้น้ำมันอากาศยานปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 6 ส่วนราคาน้ำมันดิบในปี 2553 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับสูงขึ้นจากราคาเฉลี่ยในปี 2552 ที่ประมาณ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากความต้องการใช้น้ำมันของโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
- สศค. วิเคราะห์ว่า ในปี 53 ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 75 - 85 $/bl เป็นการเพิ่มขึ้นตาม 1) อุปสงค์ที่ที่มีต่อน้ำมันดิบเพื่อนำไปเป็นปัจจัยการผลิตและอุปโภคบริโภค ซึ่งขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และ 2) แรงเก็งกำไรในตลาดโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ และสินค้าเกษตร เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง จึงคาดว่าเงินเฟ้อปี 53 อยู่ที่ร้อยละ 3.4 ต่อปี อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเปราะบางอยู่จึงทำให้ราคาน้ำมันไม่ขึ้นเร็วนัก จาก Sensitivity analysis ของ สศค. พบว่า หากราคาน้ำมันดูไบขึ้น 10 $/bl จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นร้อยละ +0.5 และ Real GDP ลดลงร้อยละ -0.3 จากกรณีฐาน
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th