รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 4 มกราคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 4, 2010 10:31 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 4 ม.ค. 2553

Summary:

1. เอกชนผวาเสรีอาฟตา หอการค้าชู 50 แผนรับมือ

2. กระทรวงอุตสาหกรรมคาดราคาน้ำตาลสูงขึ้นจนถึงปี 2555

3. นักวิเคราะห์คาดเศรษฐกิจโลกปี 53 มีสัญญาณฟื้นตัวแต่ยังคงเปราะบาง

Highlight:
1. เอกชนผวาเสรีอาฟตา หอการค้าชู 50 แผนรับมือ
  • ภาคเอกชนเร่งปรับตัวรับการเปิดเสรีการค้าอาเซียน ด้านสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ชี้ช่วยขยายตลาดผู้ส่งออก ห่วงเอสเอ็มอี 6 กลุ่ม ได้รับผลกระทบ แนะลงทุนประเทศเพื่อนบ้านสร้างฐานผลิต ลดต้นทุน ด้านหอการค้าไทยห่วงข้าว ปาล์มน้ำมัน และยางพารา กระทบหนัก ใช้เวลา 5 ปี ปรับตัวโค้งสุดท้ายเข้าสู่เออีซีในปี 2558 เดินหน้าทำ 50 ยุทธศาสตร์ธุรกิจ สร้างความเข้มแข็งรับมือคู่แข่งอาเซียน
  • สศค.วิเคราะห์ว่า ผลดีจากการเปิดเสรีการค้าอาเซียน ได้แก่ การขยายตลาดการส่งออก การขยายการลงทุนไปยังประเทศในภูมิภาค ขณะที่ผลเสีย ได้แก่ การเสียเปรียบด้านการแข่งขันของภาคเกษตรและอุตสาหกรรมภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม การเปิดเสรีการค้าอาเซียนถือเป็นโอกาสอันดีในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการส่งออกของไทยที่จะพึ่งพาเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มอาเซียนมากขึ้น ทั้งนี้ การเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน และอาเซียน-จีน รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จะเป็นปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อการส่งออกไทยในปี 53 ซึ่ง สศค. คาดว่า การส่งออกไทยในปี 53 จะขยายตัวร้อยละ 15.5 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 14.5 — 16.5 ต่อปี)
2. กระทรวงอุตสาหกรรมคาดราคาน้ำตาลสูงขึ้นจนถึงปี 2555
  • รมว. อุตสาหกรรมเปิดเผยว่าสถานการณ์ราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาก กล่าวคือราคาน้ำตาลตลาดโลกขายล่วงหน้าช่วงเดือน มี.ค. 53 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 27 เซนต์ต่อปอนด์ ซึ่งเท่ากับราคาน้ำตาลในประเทศอยู่ที่ประมาณ 1,400 บาทต่อตันอ้อย ถือเป็นราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคาดว่าราคาจะสูงไปอีก 2 ปีข้างหน้าจนถึงปี 2555 ซึ่งจะ ส่งผลดีต่อเกษตรกรไทยทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
  • สศค. วิเคราะห์ว่าตั้งแต่กลางปี 51 ราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ในปี 51 และในปี 52 ประเทศผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของโลกอย่างบราซิลเกิดฝนตกหนักในช่วงเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตอ้อยในตลาดโลกลดลง ซึ่งส่งผลให้ราคาอ้อยเฉลี่ยที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ราคาตันละ 741.2 บาทในปี 52 จากปี 51 ที่อยู่ที่ประมาณตันละ 605 บาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 22.4 ต่อปี ทั้งนี้ คาดว่าราคาน้ำตาลตลาดโลกจะยังคงทรงตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่องตามปัจจัยพื้นฐานและราคาน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและจะช่วยสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชนในระยะต่อไป
3. นักวิเคราะห์คาดเศรษฐกิจโลกปี 53 มีสัญญาณฟื้นตัวแต่ยังคงเปราะบาง
  • ฟิทช์เรทติ้งและแบงก์ออฟอเมริกามั่นใจการฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจโลกในระยะใกล้จะได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และภาวะแวดล้อมทางการเงินที่ดีขึ้น แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจจะยังเปราะบางจากอัตราการว่างงานทั่วโลกที่จะยังสูงขึ้นจนถึงกลางปี 53 ฟิทช์ทำนายว่าการดำเนินการผ่อนคลายนโยบายเศรษฐกิจมหภาคจะเป็นไปอย่างช้าๆ และคาดว่านโยบายการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีการคุมเข้มมากขึ้น ขณะที่แบงก์ออฟอเมริกาเมอร์ริลลินส์ระบุว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวที่ร้อยละ 4.4 ต่อปี ซึ่งดีกว่าที่ไอเอ็มเอฟคาดไว้ที่ร้อยละ 3.1 ต่อปี และคาดว่าสหรัฐฯ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำไปถึงปี 2554
  • สศค. วิเคราะห์ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 53 โดยเฉพาะในยุโรป สหรัฐเอมริกาและจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย จะส่งผลดีต่อภาคส่งออกของไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสินค้าหลักไปสู่ประเทศดังกล่าวและที่ผ่านมาได้รับอานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในต่างประเทศ โดยล่าสุดการส่งออกของไทยเดือน พ.ย. 52 ขยายตัวในอัตราสูงที่ร้อยละ 17.2 ต่อปี นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะทำให้ไทยรายได้จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วย โดยล่าสุดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยเดือน ต.ค. 52 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 10.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ