รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 8 มกราคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 8, 2010 10:31 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 8 ม.ค. 2553

Summary:

1. กระทรวงพลังงานเตรียมพิจารณาใช้กองทุนน้ำมันเพื่อรับมือราคาน้ำมันแพง

2. ม. หอการค้าไทยคาดการส่งออกปี 2553 ขยายตัวร้อยละ 10.5

3. จีนแซงหน้าเยอรมนีขึ้นเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลกแล้ว

Highlight:
1. กระทรวงพลังงานเตรียมพิจารณาใช้กองทุนน้ำมันเพื่อรับมือราคาน้ำมันแพง
  • อธิบดีกรมส่งเสริมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเปิดเผยว่ากระทรวงพลังงานเตรียมใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกลไกรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง โดยล่าสุดน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่สูงกว่า 83 ดอลลาร์/บาร์เรล นับเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 14 เดือน
  • สศค. วิเคราะห์ว่าราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ธ.ค.52 เป็นผลมาจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลก กอปรกับอากาศที่หนาวเย็นในแถบยุโรปและสหรัฐ ทั้งนี้ การสนับสนุนราคาน้ำมันขายปลีกของไทยให้ลดลงจะช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนและควบคุมอัตราเงินเฟ้อมิให้ปรับสูงขึ้นรวดเร็วเกินไป โดย สศค. ประเมินว่าหากราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบารเรล์ จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 0.5 ต่อปีและการขยายตัวของ GDP ลดลงประมาณร้อยละ 0.3 ต่อปีจากกรณีฐาน
2. ม. หอการค้าไทยคาดการส่งออกปี 2553 ขยายตัวร้อยละ 10.5
  • ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่าการส่งออกของไทยปีนี้จะมีอัตราการเติบโตค่อนข้างดี โดยมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การส่งออกสินค้าไปจีนและอาเซียนจะเพิ่มขึ้นจากกรอบการเปิดเสรีอาเซียนและอาเซียน-จีน ทำให้ส่งผลดีในกลุ่มอาหาร เกษตร และอุตสาหกรรมจะมีอัตราการขยายตัวมากขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าการส่งออกปี 2553 จะขยายตัวร้อยละ 10.5 จากที่ติดลบร้อยละ 15.1 ในปี 2552 ทำให้มูลค่าส่งออกปีนี้อยู่ที่ 166,907 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • สศค. ประมาณการเศรษฐกิจไทย ณ เดือนธันวาคม 2552 ว่า เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่อัตราเติบโตเป็นบวกปี 2553 ที่ร้อยละ 3.5 ต่อปี โดยมีสาเหตุหลักมาจากประสิทธิผลของมาตรการภาครัฐ และการฟื้นตัวของการใช่จ่ายภาคเอกชนรวมถึงเศรษฐกิจโลก โดยปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการในปี 2553 คาดว่าจะกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 8.0 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 7.5-8.5 ต่อปี) ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีแนวโน้มเติบโตได้สูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ
3. จีนแซงหน้าเยอรมนีขึ้นเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลกแล้ว
  • จีนพลิกบทบาทมาเป็นผู้นำด้านการส่งออกของโลกแทนที่เยอรมนีแล้ว โดยจากข้อมูล 10 เดือนแรกของปี 2552 การส่งออกของจีนอยู่ที่ 957.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่การส่งออกของเยอรมนีอยู่ที่ 917.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • สศค. วิเคราะห์ว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ภาคการส่งออกของจีนปรับตัวแซงหน้าเยอรมนี มาจากการที่ยุโรปซึ่งเป็นกลุ่มประเทศคู่ค้าสำคัญที่สุดของเยอรมนี (ประมาณร้อยละ 74 ของการส่งออกเยอรมนีทั้งหมด) ได้ลดการนำเข้าสินค้าในอัตราที่เร่งตัวกว่าเอเชียซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของจีน (ประมาณร้อยละ 49 ของการส่งออกจีนทั้งหมด) โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2552 การส่งออกทั้งหมดของเยอรมนีลดลง 337.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมาจากการส่งออกไปกลุ่มประเทศยุโรปด้วยกันเองซึ่งเป็นคู่ค้าหลักถึง 257.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้การส่งออกของเยอรมนีหดตัวถึงร้อยละ -26.9 ต่อปี ในขณะที่ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2552 การส่งออกจีนลดลง 247.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากการประเทศในเอเชียซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าหลัก 109.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้การส่งออกทั้งหมดของจีนหดตัวร้อยละ -20.5 ต่อปี

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ