รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 12 มกราคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 12, 2010 10:16 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 12 ม.ค. 2553

Summary:

1. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปี 53 อาจโตถึงร้อยละ 10.4 ต่อปี

2. กระทรวงการท่องเที่ยวฯเผย ยอดนักท่องเที่ยวเกิน 14 ล้านคน รายได้ทะลุ 5.27แสนล้านบาท

3. การค้าเสรีอาเซียน-จีน ของรถยนต์และชิ้นส่วนยังไม่คืบหน้า หวั่นรถจีนถล่มราคา

Highlight:
1. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปี 53 อาจโตถึงร้อยละ 10.4 ต่อปี
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าแนวโน้มการส่งออกของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในปี 53 อาจเติบโตในช่วงร้อยละ 5.4 -10.4 ต่อปี ดีขึ้นจากปีก่อนที่คาดว่าจะหดตัวร้อยละ -14.0 ต่อปี โดยผู้ประกอบการสามารถใช้ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียนเพื่อใช้ขยายตลาดได้ แต่ก็ต้องระวังการแข่งขันที่สูงขึ้น
  • สศค. วิเคราะห์ว่า สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าส่งออกหลักของไทย โดยมีสัดส่วนต่อมูลค่าการส่งออกรวมถึงร้อยละ 10.2 และ 17.6 ตามลำดับ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 52 ซึ่งสินค้าทั้งสองกลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากอุปสงค์ภายนอกที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะจากประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 3 ของเครื่องใช้ไฟฟ้า มีสัดส่วนร้อยละ 6.0 และเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มีสัดส่วนถึงร้อยละ 21.5 ซึ่งปัจจุบัน จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศส่งออกอันดับ 1 ของโลกแล้ว แนวโน้มการส่งออกของสินค้าทั้ง 2 ประเภท โดยเฉพาะสินค้าขั้นกลาง จึงได้รับอานิสงส์ด้วย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทย และจะทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในปี 53 ขยายตัวได้ที่ร้อยละ 14.5-16.5 ต่อปี (ประมาณการ ณ ธ.ค. 52)
2. กระทรวงการท่องเที่ยวฯเผย ยอดนักท่องเที่ยวเกิน 14 ล้านคน รายได้ทะลุ 5.27แสนล้านบาท
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเปิดเผย จำนวนนักท่องเทียวจากต่างชาติมาไทยปี 52 มีจำนวน 14,094,631 คน เพิ่มมากขึ้นจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 14 ล้านคน ส่งผลให้สามารถทำรายได้เข้าประเทศ 527,000 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยผู้ว่าการ ททท.กล่าวว่า ทันทีที่ได้รับงบจากโครงการไทยเข้มแข็งมาในช่วงไตรมาส 1 ปี52 ททท.ได้เร่งรุกตลาดกลุ่มเป้าหมายให้เร็วที่สุด โดยการจัดแคมเปญกระตุ้นประเทศที่เดินทางเข้าไทยปีละ 1 ล้านคนขึ้นไป 5 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และจีน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 11 เดือนแรกของปี 52 อยู่ที่ 12.5 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียร้อยละ 56.1 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เข้ามาเที่ยวไทย รองลงมา ได้แก่ ยุโรป และอเมริกา ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 25.6 และ 6.3 ของจำนวนนักท่องเที่ยว ตามลำดับ อย่างไรก็ดี จากการคำนวณของ สศค. พบว่า นักท่องเที่ยวจากยุโรปสามารถนำรายได้เข้าประเทศต่อหัวจำนวน 48,000 บาท/คน ขณะที่นักท่องเที่ยวจากเอเชียนำรายได้เข้าประเทศต่อหัวจำนวน 23,000 บาท/คนสะท้อนว่านักท่องเที่ยวจากยุโรปมีกำลังซื้อที่สูงกว่านักท่องเที่ยวจากเอเชีย
3. การค้าเสรีอาเซียน-จีน ของรถยนต์และชิ้นส่วนยังไม่คืบหน้า หวั่นรถจีนถล่มราคา
  • นายกสมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยเผยว่า ข้อตกลงเขตการค้าเสรีทวิภาคีของอาเซียน-จีน ยังไม่มีความคืบหน้าในส่วนของรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เพราะเป็นบัญชีสินค้าอ่อนไหวต้องใช้เวลาในการเจรจานาน ซึ่งผู้ประกอบการของจีนอาจอาศัยช่องว่างของกฎหมาย ขณะที่การลงทุนในการผลิตรถประหยัดพลังงานหรืออีโคคาร์ในอินเดียก็จะไม่ส่งผลต่อโครงการผลิตอีโคคาร์ของไทย เนื่องจากอีโคคาร์ที่ผลิตในไทยมีมาตรฐานที่สูงกว่ารถราคาประหยัดของอินเดียที่เน้นในราคาที่ถูกเพียงอย่างเดียว
  • สศค. วิเคราะห์ว่า มูลค่าการส่งออกของยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ในช่วง 2 เดือนแรกไตรมาส 4 ปี 52 อยู่ที่ 1056.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวที่ร้อยละ 17.3 ต่อปี ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่หดตัวร้อยละ -14.6 ต่อปี โดยตลาดส่งออกที่สำคัญในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นหลัก ทั้งนี้ การเปิดการค้าเสรีอาเซียน-จีน อาจจะส่งผลให้รถของจีนมาตีตลาดไทยและกดดันให้ราคารถที่ผลิตภายในประเทศลดลง อย่างไรก็ตาม กรณีการเปิดการค้าเสรีอาเซียน(AFTA) ของยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์จะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไทย เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์โดยมีต้นทุนการผลิตต่ำที่สุดในภูมิภาค และจะส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมซึ่งจะทำให้การผลิตของยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ในปี 53 มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 52 ที่มีการหดตัวมา 3 ไตรมาสติดต่อกันและจะทำให้การจ้างงานมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น และทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นตาม

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ