รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 20 มกราคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 20, 2010 11:10 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 20 ม.ค. 2553

Summary:

1. กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขมูลค่าส่งออกในเดือนธ.ค.52 ขยายตัวสูงสุดในรอบปี

2. นายกรัฐมนตรีเชื่อธปท.เข้าดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน

3. ปี 2553 จะเป็นปีทองของธนาคารในภูมิภาคเอเชีย

Highlight:
1. กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขมูลค่าส่งออกในเดือนธ.ค.52 ขยายตัวสูงสุดในรอบปี
  • กระทรวงพาณิชย์ เผย การส่งออกของไทยในเดือนธ.ค. 52 มีมูลค่า 14,629 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 26.1 ต่อปี ซี่งนับเป็นการขยายตัวในอัตราที่สูงสุดในรอบ 1 ปี สำหรับสาเหตุที่ทำให้การส่งออกในเดือนธ.ค 52 มาจากการส่งออกในทุกหมวดสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร เป็นหลัก ทั้งนี้ การส่งออกทั้งปี 52 ยังคงติดหดตัวร้อยละ 14.2 คิดเป็นมูลค่า 152,502 ล้านดอลลาร์ การนำเข้าหดตัวร้อยละ 25.3 คิดเป็นมูลค่า 133,796 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ทั้งปี 52 ไทยเกินดุลการค้า 18,706 ล้านดอลลาร์
  • สศค. วิเคราะห์ว่า สาเหตุที่การส่งออกขยายตัวในระดับสูงเป็นผลจาก 1) เศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว โดยเฉพาะการส่งออกไปยังตลาดหลักแทบทุกตลาดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20.4 ต่อปี และการส่งออกไปยังตลาดใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ร้อยละ 31.5 ต่อปี และ2) ปัจจัยฐานต่ำของช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งการส่งออกมีมูลค่าเพียง 11,604.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเป็นช่วงที่วิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ลุกลามเข้าสู่ตลาด G3 และตลาดอื่นๆ อย่างเต็มรูปแบบแล้ว ทั้งนี้ การส่งออกที่เพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากการส่งออกไปประเทศจีนที่เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 117.6 ต่อปี ซึ่งสินค้าสำคัญได้แก่ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าเกษตรขยายตัวร้อยละ 44.5 และ 59.3 ต่อปี ตามสำดับ
2. นายกรัฐมนตรีเชื่อ ธปท. เข้าดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน
  • นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเข้าดูแลค่าเงินบาทไม่ให้มีความผันผวนมากไปกว่า 33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และเชื่อว่าค่าเงินบาทจะไม่ผันผวนเหมือนกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจในวันนี้(20 ม.ค.53) ธปท.จะรายงายสถานการณ์การแข็งค่าของค่าเงินบาท ตลอดจนแนวโน้มของค่าเงินสกุลหลักอื่นๆ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ค่าเงินบาท ณ 19 ม.ค.53 แข็งค่าขึ้นคิดเป็นร้อยละ 5.9 เทียบกับต้นปี 52 ที่อยู่ที่ระดับ 34.9 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และหากวิเคราะห์ค่าเงินแบบ NEER จะพบว่าค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ 2.9 เมื่อเทียบกับค่าเงินประเทศคู่ค้า 14 ประเทศ ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาทมีสาเหตุหลักจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด โดยในช่วง 11 เดือนแรกปี 52 เศรษฐกิจไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ 19.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ สศค.คาดว่าทั้งปี 52 จะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ 21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 8 ของ GDP
3. ปี 2553 จะเป็นปีทองของธนาคารในภูมิภาคเอเชีย
  • นายโทนี่ ตั๋น รองประธานบริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ กล่าวในที่ประชุมในไต้หวันว่า ขณะนี้สถาบันการเงินของเอเชีย พบโอกาสทองทางการแข่งขันแล้ว เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้สถาบันการเงินตะวันตกกำลังเผชิญความยากลำบาก ขณะเดียวกัน บริษัทต่างๆในเอเชีย ซึ่งรักษาสถานะไว้ได้ดีก่อนหน้านี้ ก็จะเป็นผู้ที่มีบทบาทหลักในการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
  • สศค. วิเคราะห์ว่า บทบาทของสถาบันการเงินของเอเชียในระบบการเงินโลกจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีส่วนสนับสนุนการขยายตัวในอนาคตของเศรษฐกิจเอเชีย ส่วนหนึ่งมาจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันการเงินหลักของโลกโดยเฉพาะที่อยู่ในสหรัฐและยุโรป คิดเป็นกว่า1295.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยความเสียหายมาจากธนาคารพาณิชย์สหรัฐฯ และยุโรป คิดเป็นกว่า 1259.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และความเสียหายจากธนาคารเอเชียเพียงแค่ 35.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินในเอเชียจำเป็นต้องพัฒนาการจัดการสถาบันและเงินทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ