รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 21 มกราคม 2553

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 21 ม.ค. 2553

1. ครม.เศรษฐกิจรับทราบมติ กนง. ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี

2. ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน ธ.ค. แตะระดับสูงสุดในรอบ 44 เดือน

3. มูดี้ส์ ประกาศให้ฐานะทางการเงินของกรีซ ยังอยู่ในด้านลบ

• คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจรับทราบตามมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 53 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี แม้ว่าเศรษฐกิจโลกได้ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวในระยะยาว โดยเฉพาะประเทศอุตสาหกรรมหลัก อย่างไรก็ดี กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวจากตัวเลขการบริโภคภาคเอกชน รายได้ภาคการท่องเที่ยว การส่งออก ที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. 52 ได้เร่งตัวขึ้นจากราคาน้ำมัน แต่แรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อจากด้านอุปสงค์ยังคงอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี ในปี 2553 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทั้งจากราคาน้ำมัน การยกเลิกมาตรการรัฐ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

• สศค. วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อยังไม่เร่งตัวขึ้นมาก โดยล่าสุด ณ ธ.ค. 52 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 3.5 และ 0.2 ต่อปีตามลำดับ อย่างไรก็ดี ในปี 53 ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาจมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น บวกกับหลังเดือน มี.ค. 53 นโยบาย 5 มาตรการ 6 เดือน มีกำหนดที่จะสิ้นสุดลง ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นได้ โดย สศค. คาดว่าทั้งปี 53 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ร้อยละ 3.4 และ 1.5 ต่อปีตามลำดับ

• ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ธ.ค.52 อยู่ที่ระดับ 113.6 ปรับเพิ่มขึ้นจาก 104.7 ในเดือน พ.ย.52 ซึ่งเป็นค่าดัชนีที่เกินระดับ 100 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และสูงสุดในรอบ 44 เดือน โดยมีปัจจัยบวกจากผลประกอบการของบริษัททั้งในและต่างประเทศที่ดีขึ้น มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นมากในช่วงปีใหม่ ขณะที่ปัจจัยลบเป็นเรื่องความกังวลต่อต้นทุนการผลิต เนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น และมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ส่วนดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 111.5

• สศค. วิเคราะห์ว่าดัชนีเชื่อมั่นฯที่ปรับตัวขึ้นในระดับสูงต่อเนื่องติดต่อกัน 3 เดือน สะท้อนให้เห็นภาพการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมที่เข้มแข็งและมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 53 โดยเฉพาะตัวเลขมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมเดือน ธ.ค.52 ที่ขยายตัวกว่าร้อยละ 21.3 ต่อปี เร่งขึ้นมากจากเดือนก่อนหน้าที่ร้อยละ 14.2 ต่อปี โดยสินค้าหลักแทบทุกหมวดปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้อุตสาหกรรมหลักที่ดัชนีปรับตัวดีขึ้นมากได้แก่ อุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมัน ยา ปิโตรเคมี ปูน ยานยนต์

• หลังจากที่ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซในเดือน ธค.52 โดยที่ความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาล กรีซยังคงอยู่ในระดับเดิมที่ A2 ซึ่งเป็นระดับที่มีความเสี่ยง จาก แผนการลดการใช้จ่ายของภาครัฐและการสะสางหนี้สินมูลค่ามหาศาลยังไม่มีความชัดเจน ทำให้สมาชิกในกลุ่มยูโรโซนแสดงความกังวลว่าวิกฤติหนี้ของกรีซอาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินยูโร

• สศค.วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันรัฐบาลกรีซมีหนี้สาธารณะถึง 3 แสนล้านยูโร คิดเป็นร้อยละ 113 ของ จีดีพี และขาดดุลงบประมาณมากถึงร้อยละ 12.7 ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานของสหภาพยุโรปที่กำหนดไว้ที่ไม่เกินร้อยละ 3 ของ จีดีพี จากการใช้นโยบายการคลังเพื่อต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ส่งผลทำให้หนี้สาธารณะสูงขึ้นกระทบต่อเครดิตการชำระคืนหนี้ของประเทศ การถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซเนื่องจากถูกมองว่ามีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้น ซึ่งหากกรีซประสบปัญหาอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศในกลุ่มยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร และกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ การค้าทวิภาคีไทย-กรีซ 6 เดือนแรกปี 52 มีมูลค่า 100 ล้านยูโร ซึ่งลดลงจากปีก่อน(155ล้านยูโร) ไทยส่งออก 95 ล้านยูโร ลดลง 49 ล้านยูโร นำเข้า 4 ล้านยูโร ลดลง 7 ล้านยูโร และไทยเกินดุลการค้า 91 ล้านยูโร

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th