Macro Morning Focus ประจำวันที่ 22 ม.ค. 2553
1. กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าการค้าชายแดน 1 ล้านล้านบาทเพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐและสหภาพยุโรป
2. ธนาคารแห่งประเทศไทยขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ให้ชี้แจงเหตุผลการปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าเป็นลายลักษณ์อักษร โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1เม.ย.53
3. เศรษฐกิจจีนปี 2552 ขยายตัวดีกว่าคาดที่ร้อยละ 8.7 ต่อปี
- นางพรทิวา นาคาศัย รมว. พาณิชย์ เปิดเผยว่าภายใน 3 ปี จะผลักดันการค้าชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อบ้าน 4 ประเทศ ได้แก่ พม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย ให้มีมูลค่าขยายตัวเป็น 1 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันที่ 6 แสนล้านบาท หรือเติบโตปีละร้อยละ 20 เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่กำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ และใช้สิทธิประโยชน์จากเปิดเสรีการค้าสินค้าอาเซียน (AFTA) อย่างเต็มที่
- สศค. วิเคราะห์ว่า การเปิดเสรีการค้าสินค้าอาเซียน (AFTA) จะเป็นโอกาสที่ไทยจะขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะการค้าชายแดนซึ่งไทยมีข้อได้เปรียบในด้านภูมิประเทศซึ่งไทยอยู่ศูนย์กลางของประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอาเซียนนับเป็นคู่ค้าที่สำคัญ และมีแนวโน้มที่จะทวีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีเพราะจะช่วยลดการพึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดเดิม
- น.ส.พิมพา ถาวรยุศม์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ลงนามในหนังสือเวียนไปยังสถาบันการเงินทุกแห่ง ขอความร่วมมือให้สถาบันการเงินชี้แจงเหตุผลของการไม่อนุมัติสินเชื่อแก่ผู้ขอ เป็นลายลักษณ์อักษรตั้งแต่วันที่ 1เม.ย.53 เป็นต้นไปเนื่องจากทางธปท.และศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาการปล่อยสินเชื่อ (ศปส.) ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าไม่ได้รับการชี้แจงจากสถาบันการเงินถึงสาเหตุของการไม่อนุมัติสินเชื่อที่ชัดเจน
- สศค.วิเคราะห์ว่าการขอความร่วมมือดังกล่าว นอกจากจะเป็นการช่วยปรับความเข้าใจระหว่างสถาบันการเงินและลูกค้าแล้ว ยังจะเป็นการช่วยกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อได้ในทางอ้อมด้วย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา หากลูกค้าไม่ได้รับแจ้งถึงสาเหตุก็จะไม่สามารถแก้ไขเพื่อนำไปขอสินเชื่อในครั้งใหม่ได้ ดังนั้นหากการชี้แจงเหตุดังกล่าวเป็นไปอย่างสมบูรณ์ก็จะเป็นแรงสนับสนุนให้สินเชื่อในประเทศขยายตัวได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุด แม้ว่าสินเชื่อโดยรวมในเดือน พ.ย. 52 จะขยายตัวที่ร้อยละ 1.8 ต่อปี สินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์กลับหดตัวที่ร้อยละ -2.8 ต่อปี
- เศรษฐกิจจีนปี 2552 ขยายตัวได้ถึงร้อยละ 8.7 ต่อปี ดีกว่าที่ทางการจีนคาดไว้ในช่วงต้นปีที่ร้อยละ 8.0 ต่อปี โดยไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 ขยายตัวในอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาสที่ร้อยละ 10.7 ต่อปีซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานของปี 2551 ที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม การขยายตัวที่รวดเร็วมากกว่าที่คาดไว้ของเศรษฐกิจจีนในช่วงที่ผ่านมาส่วนหนึ่งอาจจะสะท้อนถึงความเสี่ยงของการขยายตัวของสินเชื่อที่รวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่ฟองสบู่ขึ้นอีกครั้งได้
- สศค.วิเคราะห์ว่า การขยายตัวที่ดีกว่าที่คาดของประเทศจีนเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาครวมถึงประเทศไทยในไตรมาสที่ผ่านมา โดยตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับมูลค่าการส่งออกของประเทศไทยไปจีนที่ขยายตัวในระดับที่สูงถึงร้อยละ 117 ต่อปี โดยในเดือน ธ.ค. 52 ในขณะเดียวกัน การฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านมาของจีนยังส่งผลให้สัดส่วนภาคการส่งออกของประเทศไทยไปยังประเทศจีนปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยทั้งปี 52 มีสัดส่วนสูงถึง 10.6 ของสัดส่วนการส่งออกรวม จากสัดส่วนเดิมที่ร้อยละ 9.1 ในปี 51 และขึ้นมาเป็นประเทศที่ประเทศไทยส่งออกไปที่สุดเป็นลำดับที่สอง รองจากสหรัฐที่มีสัดส่วนมากกว่าเพียงเล็กน้อยทีอยู่ที่ร้อยละ 10.9 ของสัดส่วนการส่งออกของประเทศไทยทั้งหมด ทั้งนี้ สศค.คาดว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2553 จะขยายตัวที่ร้อยละ 8.7ต่อปี หรือที่ช่วงร้อยละ 7.7 — 9.7 ต่อปี
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th