Macro Morning Focus ประจำวันที่ 25 ม.ค. 2553
Summary:
1. นายกรัฐมนตรี เชื่อเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างชัดเจน
2. ส่งออกไทยไปจีนปี 2553 ฉายแววสดใส
3. เอเชียอาจได้อานิสงค์จากมาตรการคุมเข้มแบงก์ในอเมริกา
Highlight:
1. นายกรัฐมนตรี เชื่อเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างชัดเจน
- นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์ฯ ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นมาก ทำให้คาดว่าในปี 53 การจัดเก็บรายได้อาจจะเกินเป้าถึง 2 แสนล้านบาท ในขณะที่การส่งออกน่าจะกลับมาขยายตัวประมาณร้อยละ 14 ต่อปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยมากขึ้น
- สศค. วิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 52 จะพลิกกลับมาขยายตัวเป็นบวกเห็นได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ (ที่สะท้อนการบริโภคโดยรวม)ในไตรมาสที่ 4 ขยายตัวร้อยละ 2.6 ต่อปี (หรือขยายตัวร้อยละ 7.0 % QoQSA) จากไตรมาสก่อนที่หดตัวร้อยละ -13.7 ต่อปี ในขณะที่สถานการณ์ด้านการผลิตปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกัน โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรม (สัดส่วนร้อยละ 40 ของGDP) ในไตรมาสที่ 4 ปี 52 ขยายตัวร้อยละ 11.2 ต่อปี จากไตรมาสก่อนที่หดตัวร้อยละ -5.5 ต่อปี (หรือขยายตัวร้อยละ 6.2 % QoQSA) ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 53 จะขยายตัวที่ร้อยละ 3.5 (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 3.0-4.0 ) ซึ่งจะเอื้อต่อการจัดเก็บรายได้ได้สูงกว่าเป้า
2. ส่งออกไทยไปจีนปี 2553 ฉายแววสดใส
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้วิเคราะห์ถึงปัจจัยสนับสนุนการส่งออกของไทยไปจีนในปี 53 ได้แก่ แนวโน้มเศรษฐกิจจีนในปี 53 ที่คาดว่าจะเติบโตสูงขึ้นจากปี 52 โดยผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีนที่ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 52 เป็นต้นมา ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นทำให้เศรษฐกิจจีนไตรมาส 4 เติบโตสูงที่ร้อยละ 10.7 ต่อปี จากจุดต่ำสุดในไตรมาส 1 ที่ขยายตัวร้อยละ 6.1 ต่อปี ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาภาวะฟองสบู่ในตลาดสินทรัพย์ เนื่องจากการขยายตัวของสินเชื่ออย่างรวดเร็วในปี 52 และเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 1.9 ต่อปี ในเดือนธ.ค. 52 ทำให้คาดว่า ทางการจีนมีแนวโน้มดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า การส่งออกจากไทยไปจีนในเดือนธ.ค. 52 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 117.6 ต่อปี เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า(ปรับฤดูกาลแล้ว) จะขยายตัวร้อยละ17.0 หากพิจารณาจากลำดับคู่ค้ารายเดือนแล้ว พบว่า จีนเป็นคู่ค้าลำดับ 1 ของไทยนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 52 เป็นต้นมา ในส่วนของภาพรวมปี 52 นั้น สัดส่วนการส่งออกไปจีนอยู่ที่ร้อยละ 10.6 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9.1 ในปี 51 เป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 รองจากสหรัฐฯ ทำให้จีนมีบทบาทต่อการส่งออกของไทยมากขึ้น ทั้งนี้ สศค. คาดว่า เศรษฐกิจจีนในปี 53 จะขยายตัวร้อยละ 8.7 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 7.7 - 10.7 ต่อปี) การที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวในระดับสูง จะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยตามไปด้วย ซึ่งการส่งออกของไทยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 15.5 ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ร้อยละ 14.5 - 16.5 ต่อปี)
3. เอเชียอาจได้อานิสงส์จากมาตรการคุมเข้มแบงก์ในอเมริกา
- นักวิเคราะห์ด้านการเงินแสดงความเห็นว่า แผนการปฏิรูประบบการเงินของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ด้วยการสกัดกั้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงของธนาคารและสถาบันการเงิน จะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นความคึกคักต่อตลาดการเงินในเอเชีย เนื่องจากธนาคารและสถาบันการเงินในสหรัฐฯ อาจย้ายธุรกิจการลงทุนมายังภูมิภาคนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น นอกจากนี้ มาตรการคุมเข้มระบบการเงินของโอบามา ยังจะช่วยเปิดทางให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถกู้ยืมเงินทางธนาคารในสหรัฐฯ และในประเทศตะวันตกได้ง่ายขึ้น
- สศค. วิเคราะห์ว่า การที่สหรัฐฯ มีแผนการสกัดกั้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงของสถาบันการเงิน (Proprietary Trading) โดยเฉพาะกลุ่มกองทุนบริหารความเสี่ยง (Hedge Fund) และกองทุนเพื่อการลงทุนภาคเอกชน (Private-Equity Fund) เป็นความพยายามในการป้องกันวิกฤตการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลให้ภาคการเงินและการลงทุนทั่วโลกมีความผันผวนอย่างมาก เนื่องจากจะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนไปยังภูมิภาคอื่นๆที่มีมาตรการควบคุมด้านการเงินที่ผ่อนปรนมากกว่า
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th