คลังเร่งช่วยผู้ส่งออกไทยป้องกันความเสี่ยง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 28, 2010 09:48 —กระทรวงการคลัง

นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าได้กำชับให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เร่งให้บริการประกันการส่งออกแก่ผู้ส่งออกไทย ให้ได้ตามเป้าหมาย 100,000 ล้านบาทในปี 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 68.9 (หรือมูลค่า 40,800 ลบ.) จากปี 2552 หวังช่วยผู้ส่งออกไทยลดความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ ขณะที่ตลาดการค้าทั่วโลกเกิดปัญหาการชำระเงินค่าสินค้า และเพื่อผลักดันการเติบโตของภาคการส่งออกไทยทั้งในตลาดเดิมและตลาดใหม่

จากตัวเลขคาดการณ์ของสถาบันประกันการส่งออกชั้นนำของโลกระบุว่า ในปี 2553 จำนวนของธุรกิจที่ล้มละลายในประเทศต่างๆ จะเพิ่มสูงขึ้น อาทิ ในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 60,700 แห่ง (จาก 43,546 แห่งในปี 2551) สหราชอาณาจักร 37,500 แห่ง (จาก 29,994 แห่งในปี 2551) และฝรั่งเศส 68,600 แห่ง (จาก 57,665 แห่งในปี 2551) ทำให้ผู้ส่งออกไทยควรพิจารณาการทำ “ประกันการส่งออก” ทุกครั้ง โดยปัจจุบัน EXIM BANK เป็นสถาบันการเงินของรัฐที่มีบริการประกันการส่งออก (EXIMSurance) ซึ่งช่วยตรวจสอบข้อมูลผู้ซื้อในต่างประเทศ จ่ายค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่ส่งออกแล้วไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า รวมทั้งช่วยติดตามหนี้เมื่อมีปัญหา ทำให้ผู้ส่งออกไทยสามารถบุกตลาดใหม่หรือขยายการค้าในตลาดเดิมได้อย่างมั่นใจ ซึ่งเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2552 กระทรวงการคลังได้เพิ่มเงินทุนให้ EXIM BANK จำนวน 5,000 ล้านบาท ภายใต้งบไทยเข้มแข็ง เพื่อสนับสนุนให้EXIM สามารถเพิ่มความสามารถให้บริการนี้โดยเฉพาะโดยตั้งเป้าหมายการให้บริการ 100,000 ล้านบาทในปี 2553

“นอกจากประกันการส่งออกจะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยสามารถให้เทอมการชำระเงินที่แข่งขันได้ให้แก่ผู้ซื้อในต่างประเทศได้อย่างมั่นใจแล้ว ยังจะสามารถใช้ประกันการส่งออกเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้อีกด้วย” นายพฤฒิชัยกล่าว

รมช.คลัง กล่าวถึงผลการให้บริการประกันการส่งออก ในปี 2552 ว่า EXIM BANK ให้บริการประกันการส่งออกมีมูลค่ารับประกันการส่งออกทั้งสิ้น 59,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48 เมื่อเทียบกับปี 2551 โดยมีอุตสาหกรรมที่มาใช้บริการประกันการส่งออก มากที่สุด 3 อันดับแรก คือ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ร้อยละ 47 พลาสติกและผลิตภัณฑ์ ร้อยละ 13 และอาหารทะเลแช่เย็นและแช่แข็ง ร้อยละ 10 นอกจากนี้ EXIM BANK ได้มีการอนุมัติจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใต้บริการประกันการส่งออกให้แก่ผู้ส่งออกเป็นจำนวนทั้งสิ้น 124 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 766 เมื่อเทียบกับปี 2551 โดยประเภทสินค้าที่มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ ร้อยละ 48 อุปกรณ์และชิ้นส่วนยานยนต์ ร้อยละ 28 และสิ่งทอและผ้าผืน ร้อยละ 8

นายอภิชัย บุญธีรวร กรรมการผู้จัดการ EXIM ชี้แจงว่าบริการประกันการส่งออกของ EXIM BANK แบ่งเป็น 1) EXIM SURE เป็นบริการประกันการส่งออกที่เหมาะสำหรับผู้ส่งออกที่ต้องการให้ EXIM BANK ช่วยติดตามดูแลการส่งออกทุก Shipment ที่ส่งไปยังคู่ค้าอย่างใกล้ชิด 2) EXIM FLEXI เปิดตัวในปี 2551 เป็นบริการประกันการส่งออกแบบใหม่ซึ่งปรับลดค่าเบี้ยประกัน ลดขั้นตอนการทำงานของธนาคารและผู้ส่งออก และเพิ่มผลประโยชน์ในส่วนของการจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงสุดถึง 90% ของความเสียหายที่เกิดขึ้นให้แก่ผู้ส่งออกที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงไว้กับผู้ซื้อแต่ไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า 3) EXIM 4 SMEs เปิดตัวในปี 2552 เป็นบริการประกันการส่งออกเพื่อผู้ส่งออก SMEs ที่มีมูลค่าการส่งออกไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อปี มีอัตราค่าเบี้ยประกันถูกกว่ากรมธรรม์แบบปกติถึง 35% และอนุมัติกรมธรรม์ภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งได้เปิดให้บริการแล้ว ผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ 1, 2 EXIM BANK สำนักงานใหญ่ และสาขาทุกแห่ง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

โทร. 0 2271 3700, 0 2278 0047, 0 2617 2111 ต่อ 1140-8

--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 11/2553 27 มกราคม 53--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ