ผลการบริหารจัดการหนี้สาธารณะภาครัฐ ประจำเดือนธันวาคม 2552 และรายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 8, 2010 09:29 —กระทรวงการคลัง

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอสรุปผลการดำเนินการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐประจำเดือนธันวาคม 2552 พร้อมทั้งรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2552 ดังนี้

1. การปรับโครงสร้างหนี้ภาครัฐ

1.1 เดือนธันวาคม 2552

หนี้ในประเทศ

กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF1) ที่ครบกำหนด ในเดือนพฤศจิกายน 2552 จำนวน 30,000 ล้านบาท โดยการทยอยออกพันธบัตรรัฐบาลในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2552 - มกราคม 2553 ซึ่งในเดือนธันวาคมได้ดำเนินการประมูลพันธบัตรไปแล้ว 7,000 ล้านบาท และนำเงินที่ได้จากการประมูลพันธบัตรดังกล่าวไปทยอยชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้นที่ใช้เป็น Bridge Financing ในการปรับโครงสร้างหนี้

นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ โดยทำการ Roll Over วงเงินรวม 7,247 ล้านบาท โดยองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และการทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้ทำการ Roll Over หนี้เดิม จำนวน 4,337 ล้านบาท 2,000 ล้านบาท 1,000 ล้านบาท และ 900 ล้านบาท ตามลำดับ

1.2 ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2553

หนี้ในประเทศ

กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้าง

หนี้ในประเทศ วงเงินรวม 63,000 ล้านบาท โดยการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล 23,000 ล้านบาท

การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวง

การคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF1) ที่ครบกำหนด 30,000 ล้านบาท และการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) ที่ครบกำหนด 10,000 ล้านบาท โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน และรัฐวิสาหกิจได้ทำการ Roll Over หนี้เดิมรวม 76,687 ล้านบาท

2. การกู้เงินภาครัฐ

เดือนธันวาคม 2552

กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศเพื่อชดเชย การขาดดุลงบประมาณโดยการออกพันธบัตรรัฐบาล 20,572 ล้านบาท และได้เบิกเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 1 จำนวน 9,600 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการกู้เงินภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1 วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท เป็นการกู้เงินลักษณะ Term Loan อายุเงินกู้ 2 ปี โดยในเดือนธันวาคม 2552 ได้เบิกเงินกู้ไปแล้ว จำนวน 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศ วงเงินรวม 10,993 ล้านบาท โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้มีการกู้เงินรวม 1,920 ล้านบาท แบ่งเป็นการกู้เงินบาทสมทบ 7 ล้านบาท กู้เพื่อการลงทุน 1,103 ล้านบาท และกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไป 810 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย 2,073 ล้านบาท และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกรได้กู้เงินเพื่อดำเนินกิจการทั่วไป 7,000 ล้านบาท

อนึ่ง กระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้ลงนามในสัญญาค้ำประกันเงินกู้ภายใต้โครงการเงินกู้รัฐบาลญี่ปุ่น ครั้งที่ 32 กับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency หรือ JICA) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2552 และ อยู่ระหว่างการรายงานผลการกู้เงินให้คณะรัฐมนตรีทราบ

พร้อมทั้งขอให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อจัดทำความเห็นทางกฎหมายสำหรับสัญญาเงินกู้และสัญญาค้ำประกันเงินกู้สำหรับการดำเนินโครงการปรับปรุงกิจการประปา แผนหลัก ครั้งที่ 8 ของการประปานครหลวง วงเงิน 4,462 ล้านเยน

ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2553

ภาครัฐได้กู้เงินในประเทศรวม 96,565 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินของกระทรวงการคลัง 71,572 ล้านบาทและของรัฐวิสาหกิจ 24,993 ล้านบาท

3. การชำระหนี้ภาครัฐ

เดือนธันวาคม 2552

กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณรวม 4,106 ล้านบาท โดยเป็นการชำระคืน ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 4,106 ล้านบาท

ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2553

กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมจากงบประมาณรวม 23,393 ล้านบาท

รายงานหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2552

ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 มีจำนวน 3,969,822 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.56 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,579,596 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,106,125 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 201,435 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 82,666 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะลดลง 23,311 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 4,416 ล้านบาท 8,161 ล้านบาท และ 13,516 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 2,782 ล้านบาท ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้น ไม่มีหนี้คงค้าง รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 4

การลดลงสุทธิของหนี้สาธารณะคงค้างเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมานั้น ที่สำคัญเกิดจากการลดลงของ หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยลดลงสุทธิ 13,516 ล้านบาท รายการที่สำคัญเกิดจากการไถ่ถอนพันธบัตรของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันที่ครบกำหนด

สำหรับหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงลดลงสุทธิ 4,416 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังที่ครบกำหนด จำนวน 55,541 ล้านบาท และการออกตั๋วเงินคลัง จำนวน 37,000 ล้านบาท นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF1) ที่ครบกำหนดในเดือนพฤศจิกายน 2552 จำนวน 30,000 ล้านบาท โดยการทยอยออกพันธบัตรรัฐบาลในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2552 - มกราคม 2553 ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนได้ดำเนินการประมูลพันธบัตรไปแล้ว 8,000 ล้านบาท และนำเงินที่ได้จากการประมูลพันธบัตรดังกล่าวไปทยอยชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้นที่ใช้เป็น Bridge Financing ในการปรับโครงสร้างหนี้

สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันลดลง 8,161 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการลดลงของหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันรายการที่สำคัญเกิดจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นจำนวน 37,630 ล้านบาท และเบิกจ่ายเงินกู้ระยะยาว จำนวน 30,000 ล้านบาท

สำหรับหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นสุทธิ 2,782 ล้านบาท ที่สำคัญเกิดจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกันในส่วนของหนี้ต่างประเทศ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสุทธิของหนี้ต่างประเทศในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อแปลงเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น

หนี้สาธารณะ 3,969,822 ล้านบาท แยกออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 389,117 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.80 และ หนี้ในประเทศ 3,580,705 ล้านบาท หรือร้อยละ 90.20 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ระยะยาว 3,656,033 ล้านบาท หรือร้อยละ 92.10 และหนี้ระยะสั้น 313,789 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.90 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง

ส่วนประสานสัมพันธ์นักลงทุน สำนักนโยบายและแผน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5510

--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 13/2553 5 กุมภาพันธ์ 53--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ