Highlights:
- ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ปรับตัวดีขึ้นได้ส่งให้มีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นและพันธบัตรในภูมิภาคสะท้อนได้จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้น ผลตอบแทนพันธบัตรของไทยที่ปรับตัวลดลงและค่าเงินภูมิภาคที่แข็งค่าขึ้น
- ค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้แข็งค่าขึ้นตามทิศทางของภูมิภาคแต่ดัชนีค่าเงินบาทปรับตัวขึ้นในระดับที่น้อยกว่า
- ราคาน้ำมันดิบและราคาทองในสัปดาห์นี้เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวลดลงหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในระยะถัดไป
Foreign Exchange Market:
- ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้แข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าจากระดับ 33.14 มาอยู่ที่ระดับ 32.89 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สอดคล้องกับค่าเงินภูมิภาคสกุลอื่นๆต่อดอลลาร์สหรัฐที่ล้วนแล้วแต่แข็งค่าขึ้นและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงโดยมีสาเหตุสำคัญมาจากภาวะ risk appetite หลังจากที่ตัวเลขการส่งออกของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 13 เดือน
- ดัชนีค่าเงินบาทซึ่งถัวเฉลี่ยกับเงินสกุลของคู่ค้าหลัก (NEER) ในสัปดาห์นี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาร้อยละ 0.25 จากสัปดาห์ก่อนหน้า (บาทแข็งค่าขึ้น) แต่ค่อนข้างคงที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในเดือนก่อนหน้าโดยสาเหตุที่ ค่าเงินบาทปรับตัวขึ้นในระดับที่น้อยกว่าค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้มาจากการที่ค่าเงินเยนซึ่งเป็นค่าเงินที่มีน้ำหนักมากที่สุดของตะกร้าสกุลเงินคู่ค้าแข็งค่าขึ้นค่อนข้างมาก
- เงินทุนสำรองระหว่างประเทศสุทธิ ณ วันที่ 8 ม.ค. 53 อยู่ที่ระดับ 155.03พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 0.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากมูลค่าของค่าเงินเยนและยูโรเทียบกับค่าเงินดอลลาร์และการใช้เงินทุนสำรองเข้าดูแลค่าเงินบาท
Stock Market:
- ตลาดหลักทรัพย์ไทยในสัปดาห์นี้ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 749 จุด โดยได้รับแรงเข้าซื้อส่วนใหญ่จากนักลงทุนระดับย่อยในประเทศหลังจากที่ผลประกอบการของธนาคารปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้มีการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มดังกล่าว
- ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกต่างปรับตัวดีขึ้นในสัปดาห์นี้หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจภาคการส่งออกและสินเชื่อของจีนส่งสัญญาณการฟนตัวเป็นครั้งแรก ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นสูงสุดในภูมิภาคเอเชียฯ นำโดยกลุ่มเรือและเทเลคอม และส่งผลต่อเนื่องต่อตลาดหุ้นญี่ปุน ปรับตัวดีขึ้นจากหุ้นกลุ่มวัตถุดิบและเครื่องจักร
Money Market:
- อัตราดอกเบี้ยระยะ 3 เดือนของสหรัฐ (US LIBOR 3 Months) ในช่วงสัปดาห์นี้ทรงตัวที่ระดับร้อยละ 0.25 ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของไทย (Thai baht fixing) ระยะ 3 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2
Bond Market:
- ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในสัปดาห์นี้ปรับตัวลดลงมาตลอดทั้งเส้นโดยเฉพาะในช่วงระยะยาวจากการที่ความต้องการและแรงซื้อจากกลุ่ม Interbank / กองทุนและนักลงทุนต่างชาติยังคงมีเข้ามามากอย่างต่อเนื่องในขณะที่ Supply ของพันธบัตรโดยเฉพาะในช่วงระยะยาวมีน้อยเนื่องจากยังไม่มีการประมูลพันธบัตรในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้ Yield ปรับตัว ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯไม่เปลี่ยนแปลงมากจากสัปดาห์ก่อนหน้า
Commodity Market:
- ราคาน้ำมันดิบ Dubai ในสัปดาห์นี้ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบเดือนหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ปรับตัวแย่ลงสะท้อนได้จากสวัสดิการผู้ว่างงานที่เพิ่มขึ้นและยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลดลงตลาดจึงมองว่าความต้องการทางด้านพลังงานอาจยังไม่ปรับตัวขึ้นเร็วเท่าที่เคยคาดไว้และส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับตัวลดลงทุกช่วง
- ราคาทองเคลื่อนไหวค่อนข้างคงที่โดยปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงกลางสัปดาห์
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th