คลังมอบนโยบายพร้อมลงนามข้อบังคับกระทรวงการคลังยกระดับธรรมาภิบาล

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 10, 2010 09:24 —กระทรวงการคลัง

คลังเดินหน้ามอบนโยบาย และลงนามข้อบังคับกระทรวงการคลัง สำหรับผู้บริหารและข้าราชการการเมืองในสังกัดกระทรวงการคลัง เพื่อยกระดับธรรมาภิบาล พัฒนาความโปร่งใส รวมถึงป้องกัน และปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ ในวงข้าราชการ

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดทำร่างข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่าด้วยจรรยาของผู้บริหารกระทรวงการคลังเพื่อป้องกันการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างระบบธรรมาภิบาลของผู้บริหารกระทรวงการคลัง ให้เป็นที่เชื่อถือและเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้ดำเนินการจัดทำร่างข้อบังคับ ว่าด้วยจรรยาของผู้บริหารกระทรวงการคลังเพื่อป้องกันการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ.2553 พร้อมทั้งร่างข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่าด้วยจรรยาของข้าราชการการเมืองในสังกัดกระทรวงการคลัง เพื่อป้องกันการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ.2553 โดยได้ศึกษาและรวบรวมประเด็นปัญหาที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวมของผู้บริหารกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวของหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และจรรยาข้าราชการพลเรือนของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนและหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงการคลัง

สำหรับร่างข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่าด้วยจรรยาของผู้บริหารกระทรวงการคลังเพื่อป้องกันการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. 2553 มีเนื้อหาแบ่งเป็น 3 หมวด รวม 15 ข้อ โดยมีสาระสำคัญดังนี้

1. ข้อห้ามการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของผู้บริหารกระทรวงการคลัง

  • ผู้บริหารกระทรวงการคลังต้องไม่กระทำการใดๆ อันก่อให้เกิดการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมตามที่กำหนดในข้อบังคับ
  • ผู้บริหารกระทรวงการคลังต้องไม่เป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ผู้บริหาร ตัวแทน พนักงาน หรือลูกจ้าง รวมทั้งการรับจ้างหรือรับทำการงานใดๆ ในรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคล ที่อาจขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตน และการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือประกอบธุรกิจขัดหรือแย้งต่อประโยชน์ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังที่ตนสังกัดหรือมีหน้าที่ในฐานะผู้มีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดำเนินคดี หรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของผู้บริหารกระทรวงการคลัง ยกเว้นเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามที่กระทรวงการคลังมอบหมาย
  • ผู้บริหารกระทรวงการคลังต้องไม่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานในสังกัดกระทวงการคลังที่ตนสังกัดหรือมีหน้าที่ในฐานะผู้มีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดีซึ่งจะก่อให้เกิดการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม เว้นแต่การเป็นคู่สัญญาในการให้บริการของหน่วยงานตามธุรกรรมปกติโดยไม่ใช้อำนาจหน้าที่ของตนในการได้มาซึ่งสัญญาดังกล่าว
  • ห้ามผู้บริหารกระทรวงการคลังและบุคคลที่เกี่ยวข้องได้มาซึ่งหลักทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคล โดยได้รับสิทธิพิเศษอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารกระทรวงการคลัง
  • ในกรณีผู้บริหารกระทรวงการคลังได้รับมอบหมายจากกระทรวงกระคลังไปเป็นกรรมการหรือผู้แทนกระทรวงการคลังในรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคล หากรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลนั้นให้สิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ในฐานะเป็นกรรมการหรือผู้แทนของกระทรวงการคลัง ให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังผู้นั้นแจ้งรายละเอียดและเงื่อนไขของหลักทรัพย์ดังกล่าวต่อกระทรวงการคลัง หากกระทรวงการคลังเห็นว่าหลักทรัพย์ดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายการถือครองหลักทรัพย์ หรือนโยบายการลงทุนของรัฐบาลหรือกระทรวงการคลัง ให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังโอนสิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าวแก่กระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการต่อไป แต่หากกระทรวงการคลังเห็นว่าหลักทรัพย์ดังกล่าวไม่สอดคล้องกับนโยบายการถือครองหลักทรัพย์หรือการลงทุนของรัฐบาลหรือกระทรวงการคลัง ผู้บริหารกระทรวงการคลังสามารถใช้สิทธิการได้มาซึ่งหลักทรัพย์นั้นได้ โดยให้รายงานการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ดังกล่าวตามที่กำหนด
  • ผู้บริหารกระทรวงการคลังต้องไม่ใช้ข้อมูลที่ล่วงรู้จากการปฏิบัติหน้าที่ราชการและเป็นข้อมูลที่ยังไม่เปิดเผยทั่วไปหรือต่อสาธารณะไปแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น

2. การเปิดเผยข้อมูลและการรายงาน

  • ในกรณีที่ผู้บริหารกระทรวงการคลังเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตนและการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวข้องอาจมีการขัดหรือแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมตามที่กำหนดในข้อบังคับนี้ ให้รายงานต่อผู้บังคับบัญชาทราบในกรณีดังกล่าว เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการมอบหมายงาน
  • ให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังรายงานการถือครองหลักทรัพย์และรายงานการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์ของตนและบุคคลที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด
  • ให้ผู้บริหารกระทรวงการคลังจัดส่งรายงานโดยใส่ซองปิดผนึกยื่นต่อผู้บังคับบัญชา
  • ให้กลุ่มตรวจสอบภายในกระทรวงการคลังเป็นผู้เก็บรักษาและเปิดผนึกซองเพื่อวิเคราะห์รายงานทุกๆ 3 เดือนนับจากวันที่ได้รับรายงานจากผู้บริหารกระทรวงการคลัง และให้รายงานผลวิเคราะห์ดังกล่าวเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือปลัดกระทรวงการคลัง แล้วแต่กรณีภายใน 30 วัน นับแต่วันที่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลง หรือได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์ฯ

3. การบังคับใช้

  • ผู้บริหารกระทรวงการคลังผู้ใดไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ หากเข้าลักษณะการกระทำผิดวินัย ให้ได้รับโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่หากไม่เข้าลักษณะการกระทำผิดวินัยให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการ โดยว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือสั่งให้ได้รับการพัฒนาตามที่เห็นสมควร และนำไปประกอบพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนขั้นเงินเดือน รวมทั้งนำไปประกอบการพิจารณาแต่งตั้งเป็นกรรมการในหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคล

สำหรับข้าราชการการเมืองในสังกัดกระทรวงการคลัง ให้ยึดถือและปฏิบัติตามข้อบังคับกระทรวงการคลัง ว่าด้วยจรรยาของผู้บริหารกระทรวงการคลังฯ โดยอนุโลม โดยในกรณีข้าราชการการเมืองในสังกัดกระทรวงการคลัง ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับที่กำหนด ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร ปลัดกระทรวงการคลังกล่าว

สำนักบริหารหลักทรัพย์ของรัฐ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ

โทร 02-298-5880-9 ต่อ 6741

--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 14/2553 9 กุมภาพันธ์ 53--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ