รายงานการเคลื่อนย้ายเงินทุน ไตรมาสที่ 4 ปี 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 2, 2010 11:49 —กระทรวงการคลัง

ไตรมาสที่ 3 ปี 2552 (ก.ค. 52-ก.ย. 52) ดุลบัญชีเงินทุนเกินดุล 1,786 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 3,713 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลการชำระเงินเกินดุล 7,657 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสาเหตุสำคัญของการเกินดุลบัญชีเงินทุน เนื่องจากนักลงทุนในประเทศและผู้ส่งออกขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าลดสินทรัพย์ต่างประเทศเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ และการลงทุนอื่น ๆ เพิ่มขึ้น

คาดว่าไตรมาสที่ 4 ปี 2552 (ต.ค.52-ธ.ค. 52) ดุลบัญชีเงินทุนจะเกินดุล 5,054 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสาเหตุสำคัญมาจาก การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น นักลงทุนในประเทศและผู้ส่งออกขายเงินตราต่างประเทศยังคงลดสินทรัพย์ต่างประเทศเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิขณะที่การลงทุนในหลักทรัพย์ มีแรงขายหลักทรัพย์จากนักลงทุนต่างชาติในช่วงปลายปี

1. สถานการณ์ดุลบัญชีเงินทุนไตรมาส 3 ปี 2552

ดุลบัญชีเงินทุนเกินดุล 1,786 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 3,713 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลการชำระเงินเกินดุล 7,657 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสาเหตุสำคัญของการเกินดุลบัญชีเงินทุนเกิดจาก 1) นักลงทุนในประเทศและผู้ส่งออกขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าลดสินทรัพย์ต่างประเทศเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และ 2) นักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้และการลงทุนอื่น ๆ เพิ่มขึ้น

1.1 สถานการณ์การลงทุนโดยตรง ไตรมาส 3 ปี 2552

การลงทุนโดยตรงสุทธิในไตรมาสที่ 3 ปี 2552 มีมูลค่า 308 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงถึงร้อยละ 85.6 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศมีมูลค่า 892 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมีเงินทุนไหลออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 662 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 74.3 ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีมูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 46.9 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนโดยกลุ่มนักลงทุนสำคัญที่มีการลงทุนในประเทศ คือ นักลงทุนจากญี่ปุ่น ฮ่องกง และสหราชอาณาจักร โดยมีมูลค่า 467 159 และ 57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ

1.2 สถานการณ์การลงทุนในหลักทรัพย์ไตรมาส 3 ปี 2552

การลงทุนในหลักทรัพย์สุทธิไตรมาสที่ 3 ปี 2552 มีเงินทุนไหลออกมูลค่า 3,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 24

การลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศมีเงินทุนไหลออก (การซื้อหลักทรัพย์ที่ลงทุนในต่างประเทศของนักลงทุนไทยและโอนเงินไปยังต่างประเทศ) มูลค่า 4,813 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 158.5 สำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์จากต่างประเทศมีเงินทุนไหลเข้ามูลค่า 1,633 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีเงินทุนไหลออก 2,322 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การลงทุนในตราสารทุนจากต่างประเทศมีเงินทุนไหลเข้ามูลค่า 1,251 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีเงินทุนไหลออก 2,185 ล้านเหรียญสหรัฐสาเหตุที่มีการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากแนวโน้มปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลกคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น และนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง โดยกลุ่มนักลงทุนสำคัญที่มีการลงทุนในประเทศ คือ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งมีมูลค่า 570 157 และ 152 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ

สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้จากต่างประเทศ มีเงินทุนไหลเข้า 382 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่เป็นเงินทุนไหลออก 137 ดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบว่า การซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาสที่ 3 ปี 2552 มีมูลค่าการซื้อสุทธิ 35,030 ล้านบาท สาเหตุที่มีการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติเกิดจากการคลายความกังวลต่อวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและเริ่มมีสัญญาณที่ชัดเจนถึงการฟื้นตัว ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง

1.3 สถานการณ์การลงทุนอื่น ๆ ไตรมาส 3 ปี 2552

การลงทุนอื่น ๆ สุทธิไตรมาสที่ 3 2552 มีเงินทุนไหลเข้าถึง 4,657 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 154.8

การลงทุนอื่น ๆ ของต่างประเทศลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2,341 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงจากช่วงเดียวกันจากปีก่อนร้อยละ 6.3 สำหรับการลงทุนอื่น ๆ ของไทยในต่างประเทศมีเงินทุนไหลเข้า 2,316 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะช่วงเดียวกันของปีก่อนมีเงินทุนไหลออก 629 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

2. แนวโน้มการเคลื่อนย้ายเงินทุน ไตรมาสที่ 4 ปี 2552

คาดว่าไตรมาสที่ 4 ปี 2552 ดุลบัญชีเงินทุนจะเกินดุล 5,054 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเกินดุลน้อยกว่าในช่วงเดียวกันของปี 2551 เล็กน้อยที่มีการเกินดุล 5,887 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14.1 แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจาก1) การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 2) นักลงทุนในประเทศและผู้ส่งออกขายเงินตราต่างประเทศยังคงลดสินทรัพย์ต่างประเทศเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิเพิ่มขึ้นขณะที่การลงทุนในหลักทรัพย์ มีแรงขายหลักทรัพย์จากนักลงทุนต่างชาติในช่วงปลายปี

คาดว่าการลงทุนโดยตรงสุทธิไตรมาสที่ 4 ปี 2552 มีมูลค่า 1,302 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.2 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 18

คาดว่าการลงทุนในตราสารทุนของชาวต่างชาติที่ 4 ปี 2552 จะมีมูลค่าเงินทุนไหลออก 510 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 59.3 จากข้อมูลการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่านักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิลดลง เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจของโลกทั่วไปมีแนวโน้มดีขึ้น และจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และไทยที่ออกมาดี ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น

สำหรับการลงทุนอื่นๆ คาดว่ามีการไหลเข้า 4,308 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งกลับเงินลงทุนจากต่างประเทศของนักลงทุนไทยและการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในการลงทุนอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ